ตร.เปิดแผนสังหาร 'สจ.โต้ง' เผยหลักฐานชี้ไม่ใช่เหตุฉับพลัน แต่เป็นแผนลวงฆ่า

ความคืบหน้าคดียิงนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือที่รู้จักในชื่อ สจ.โต้ง เสียชีวิตในบ้านของนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายกอบจ.ปราจีนบุรี



วันนี้มีความคืบหน้าในหลายส่วน ทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุของตำรวจจากกองปราบ จนถึงความเคลื่อนไหวจากฝ่ายภรรยาของ สจ.โต้ง ที่ต้องการให้ย้ายคดีไปอยู่ในการดูแลของตำรวจกองปราบปราม เพราะเกรงอิทธิพลในพื้นที่



เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่พร้อมตำรวจกองปราบปรามเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีนี้ โดยเริ่มต้นที่บ้านของสุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายกอบจ.ปราจีนบุรี ทันที เพื่อดูที่เกิดเหตุ ตรวจสอบวิถีกระสุน และมีการจำลองไทม์ไลน์การเกิดเหตุ



หลังจากนั้นออกมาประชุมประมวลเหตุการณ์ร่วมกับทีมพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองปราจีนบุรี และกองปราบปราม นานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะเปิดเผยว่า การสังหาร สจ.โต้ง ถูกวางแผนและเตรียมการกันมาล่วงหน้า ทุกอย่างมีการไตร่ตรองไว้ก่อน



ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า มีการวิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของคนร้ายตามยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่ จึงเชื่อว่า คนใช้ปืนมีความรู้ แต่ต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานประกอบ



สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของตำรวจระดับสูงนายหนึ่ง ที่เชื่อว่า ผู้ก่อเหตุต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาจากผู้เชี่ยวชาญ หรือ ต้องเป็นคนที่มีความรู้เฉพาะทาง เมื่อสจ.โต้ง พร้อมพวก 7 คน เดินทางไปที่บ้าน นายสุนทร เพื่อเจรจาเรื่องการลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น รอบแรกเข้าไปเจรจาใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที แต่มีปากเสียงกันรุนแรงกับ ทำให้ สจ.โต้ง เดินออกมาที่หน้าบ้านเพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในบ้านเพื่อคุยกับนายสุนทรหรือโกทร อีกครั้ง



แต่ครั้งนี้มีพยานบอกว่า เดินเข้าไปในบ้านคนเดียว ส่วนลูกน้องรออยู่หน้าตัวบ้าน ซึ่งรอบ 2 ใช้เวลาพูดคุยราว 5-10 นาที และมีการตั้งข้อสังเกตุว่า ครั้งนี้มีการล็อคประตูภายในบ้าน แล้วไม่นานเสียงปืนก็ดังขึ้น



อย่างไรก็ตามปรากฏว่าในคืนเกิดเหตุ มีตำรวจ 4 นาย อยู่ที่หน้าบ้านโกทร ในช่วงเกิดเหตุด้วย ซึ่งทางผช.ผบ.ตร. ก็ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่ทั้งหมดอยู่นอกตัวบ้าน อ้างว่าไปทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนว่าไปดูแลความปลอดภัยให้ใคร "โกทร" หรือ "สจ.โต้ง" พร้อมทั้งได้สั่งให้คณะทำงานภาค 2 ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้



ล่าสุดก็ให้น้ำหนักชนวนเหตุการสังหารครั้งนี้ ไปที่ปัญหาการเมืองท้องถิ่น คือการหาผู้สมัครลงแข่งชิงเก้าอี้ นายก อบจ.ปราจีนบุรี



สำหรับความคืบหน้าส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน วันนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี คุมตัว นายสุนทร กับพวก ที่ถูกกล่าวหา ร่วมกันฆ่า สจ.โต้ง ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งทางผู้ต้องหา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เพื่อขอปล่อยชั่วคราว



แต่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาทั้งหมด เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และพฤติการณ์ ตามคำร้องฝากขังเป็นการกระทำที่อุกอาจและเป็นที่สนใจของประชาชน เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 7 คนเกรงว่าจะหลบหนี



แม้ผู้ต้องหา ที่ 7 มีโรคประจำตัวแต่ทางราชทัณฑ์ อนุญาตให้ไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้ ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว ผู้ต้องหาทั้งหมด ไปฝากขังที่เรือนจำองครักษ์ จ.นครนายก โดยมีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง



ขณะที่ นางสาว ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยาของ สจ.โต้ง พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทนายความ เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขอให้พิจารณารับโอนสำนวนคดีสจ.โต้ง ไปที่กองบังคับการปราบปราม โดย สจ.จอย ยอมรับว่า สามี มีปัญหากับโกทร พ่อบุญธรรมเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาก็สามารถตกลงกันได้ และวันเกิดเหตุ สจ.โต้ง ก็เข้าไปเคลียร์ใจกับโกทรเหมือนทุกครั้ง รอบแรกมีลูกน้องตามไปด้วย คุยกันจนโกทรร้องไห้ แล้ว สจ.โต้ง ก้มกราบเท้า เคลียร์กันจบแล้ว



ส่วนรอบที่ 2 ที่ สจ.โต้งเดินเข้าไปคนเดียว เพื่อส่งโกทรเข้านอน แต่คนของโกทรปิดประตูกั้นไม่ให้ลูกน้องของ สจ.โต้ง เข้าไป แล้วก็เกิดเหตุขึ้น ตอนนี้ห่วงเรื่องคดี และห่วงตัวเอง อยากให้คดีสจ.โต้งได้รับความยุติธรรม ไม่อยากให้ตายฟรี