บุกจับแก๊งค้าไม้พะยูง เครือข่าย 'มู่หลาน' คาดมีจนท.รัฐเอี่ยว ตั้งแต่ขั้นเตรียมเอกสาร

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดักซุ่มจับขบวนการค้าไม้พะยูง กลุ่มมู่หลาน ขณะลำเลียงไม้พะยูงกว่า 100 ท่อน ขึ้นรถที่จังหวัดสุรินทร์ โดยพบว่ามีไม้จำนวนมากอำพรางในบ่อน้ำ ขณะอธิบดีกรมอุทยาน สั่งติดตามใกล้ชิด เพราะพบหลักฐานเชื่อมโยงกับขบวนการค้าไม้ทางภาคเหนือ ที่ส่งไม้ไปประเทศจีน



เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ แสดงตัวขอตรวจสอบเอกสารการครอบครองไม้ จากนายสม สร้อยจิตร ในตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ หลังจากสายข่าวแจ้งว่ามีการขนย้ายไม้พะยูงกลางดึกคืนวันที่ 6 ที่ผ่านมา



ระหว่างรอตรวจสอบเอกสาร เจ้าหน้าที่สำรวจพบท่อนไม้พะยูงหลากหลายขนาดอยู่บนรถบรรทุก ประมาณ 60 ท่อน และคาดว่ายังมีอยู่อีกมาก



อธิบดีกรมอุทยานฯ จึงกำชับให้ผู้อำนวยการสำนักอุทยาน และชุดเฉพาะกิจพญาเสือ ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด ตั้งแต่กลางดึกคืนวันดังกล่าว พร้อมกับให้ตรวจสอบเครือข่ายดังกล่าวด้วย



เจ้าหน้าที่อายัดไม้ทั้งหมดไว้ตรวจสอบก่อน พร้อมกับจัดกำลังติดตามรอบพื้นที่นาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งกรมอุทยานฯ โดยชุดเฉพาะกิจพญาเสือ และหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าหลายแห่ง ร่วมกันแกะรอยกลุ่มนี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ตชด. ตำรวจภูธรกาบเชิง ทหารและผูู้ใหญ่บาน ตรวจสอบในบ่อน้ำที่เชื่อว่าน่าจะมีไม้พะยูงแช่น้ำอำพรางอยู่ในนั้น



ทันทีที่เจ้าหน้าที่ลงสำรวจ ก็พบว่ามีท่อนไม้จำนวนมาก แช่อยู่ในน้ำ จึงทะยอยลำเลียงขึ้นมา และจะเห็นว่าบนที่นา 5 ไร่ ที่นายสม ดูแล และชื่อผู้ครองครองคือภรรยานายสมนั้น ที่ดินแปลงนี้ มีบ่อน้ำอีก 3 บ่อ กระจายกันอยู่ แต่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีบ่อน้ำเพียงบ่อเดียว ที่มีไม้แช่อยู่



ไม้ทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ช่วยกันลำเลียงขึ้นมาจากบ่อ เป็นไม้พะยูง 38 ท่อน เมื่อรวมกับไม้พะยูงที่กองอยู่บนพื้น 16 ท่อน และที่อยู่บนรถบรรทุกแล้ว 69 ท่อน รวมไม้พะยูงที่พบ 123 ท่อน โดยเจ้าหน้าที่อายัด ทั้งไม้และรถเครนบรรทุกไม้ไว้ด้วย



นายสม ที่เป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้ ชี้แจงเจ้าหน้าที่ว่าเขารับซื้อไม้พะยูงมาจากที่ต่าง ๆ ตามแต่ผู้ค้าจะนำมาขายให้ ตั้งแต่ท่อนละ 1 ถึง 2 หมื่น และเขาอ้างว่าได้จ้างคนงาน ในหมู่ บ้าน 7 คน มาขนย้ายไม้ขึ้น เพื่อส่งขายให้นายทุนที่ทำธุรกิจส่งไม้ไปต่างประเทศ โดยยืนยันว่าเขาปรึกษาเรื่องเอกสาร กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในจังหวัดมาตลอด เพื่อขอออก ใบอนุญาตเคลื่อนย้ายไม้ และระบุว่าเหตุที่ต้องเคลื่อนย้ายตอนกลางคืน เพราะไม่ต้องการให้ใครเห็น อย่างไรก็ตาม เขาอ้างว่าตอนนี้ไม่สามารถติดต่อคนที่จะรับซื้อไม้ได้แล้ว



ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักอุทยาน ระบุว่านายสม นำเอกสาร 20 ฉบับมายืนยันว่าเป็นไม้ที่ซื้อมา แต่กลับไม่สามารถนำตรวจได้แม้แต่ฉบับเดียวว่าไม้ท่อนใดบ้าง ที่ตรงตามเอกสารซื้อขาย อีกทั้งหน้าเอกสารหลายฉบับ ระบุว่าเป็นไม้ยางนา แต่ในกองไม้ทั้งหมดมีเพียงไม้พะยูงเท่านั้น



เบาะแสจากเจ้าหน้าที่ระบุว่าไม้เหล่านี้เป็นของเครือข่ายค้าไม้ข้ามชาติทางภาคเหนือ กลุ่มที่มีชื่อว่า "มู่หลาน" ที่เคยถูกตรวจยึดมาก่อนหน้านี้ และเมื่อตรวจสอบหมาย เลขโทรศัพท์ที่ติดต่อกับนายสม ก็พบว่าเป็นเบอร์ของนภัสนันท์เฟอร์นิเจอร์แม่กลอง หรือ เจ้นุ่น เครือข่ายค้าไม้ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน



ตามเบาะแสพบว่าไม้ชุดนี้ จะถูกส่งไปภาคเหนือ เพื่อปะปนไปกับไม้ประดู่ และไม้อื่น ๆ ที่ส่งออกจากโรงเลื่อยหลายแห่งที่ภาคเหนือ ส่งไปจีน เครือข่ายนี้ อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น ในหลายขั้นตอน ตั้งแต่เตรียมเอกสารซื้อขาย เอกสารขนย้าย ไปจนถึงการอำนวยความสะดวกในการขนไม้ไปภาคเหนือ ซึ่งกรมอุทยานฯ อยู่ระหว่ารวบรวมหลักฐานขยายผล