ข่าวประชาสัมพันธ์ช่อง 3

สธ.ผนึกกำลัง รัฐ-เอกชน Kick-off หน่วยบริการในพื้นที่ เร่งเพิ่มความครอบคลุมการฉีดวัคซีน เนื่องในสัปดาห์แห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโลก

โดย thichaphat_d

1 พ.ค. 2566

126 views

มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข องค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และหน่วยงานเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ประกาศ Kick-off เดินหน้ารณรงค์ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน เพื่อเพิ่มความครอบคลุมการรับวัคซีนทั่วประเทศ ตามแผ่นงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ ในโอกาสสัปดาห์แห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโลก เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก มีสุขภาพดี และปลอดภัยจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

ภาพบรรยากาศงานแถลงข่าว : Thailand Immunization 2023
The Big Catch–Up รวมพลัง สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรค



นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ ประธานมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน กล่าวว่า “องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 24-30 เมษายน 2566 เป็นสัปดาห์แห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโลก (World Immunization Week 2023) ซึ่งทีมประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายระดับโลก ภายใต้แนวคิด The Big Catch-Up รวมพลัง สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรค ผ่านการประสานระหว่างมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชนและสถาบันวัคซีนแห่งชาติซึ่งร่วมกันเป็นเจ้าภาพหลัก โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี และปลอดภัยจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ด้วยความร่วมมือกันทั้งจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจ และตระหนักถึงความจำเป็นของการได้รับวัคซีน เพื่อให้เกิดความยอมรับ และร่วมมือกันทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีน โดยเฉพาะในวัยเด็ก เพื่อเป็นเกราะป้องกันโรคและส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง เนื่องในสัปดาห์แห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโลก กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ประกาศ Kick off กิจกรรมสนับสนุนการดำเนินการเชิงรุกของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในการเพิ่มความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคในประเทศไทยตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ โดยจะมีการติดตามผลการดำเนินงานเป็นระยะ และจะมีการประเมินผลในช่วงปลายปี โดยจะมีรางวัลให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีอัตราความครอบคลุมเพิ่มขึ้น  โดยในการดำเนินงาน เพื่อสร้างความครอบคลุมนั้น ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องเร่งปฏิบัติ

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคมุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพแก่ประชาชน โดยดำเนินการพัฒนามาตรฐานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมต่อบริบทของพื้นที่ โดยกรมควบคุมโรคมีความพร้อมในการสนับสนุนเชิงวิชาการสำหรับผู้ปฏิบัติงานให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างสัมฤทธิ์ผล และมุ่งดำเนินการฉีดวัคซีนตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้บริการวัคซีนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อลดความรุนแรงและการเสียชีวิตจากโรค ส่งเสริมให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคครบถ้วนตามเกณฑ์นำไปสู่การเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันของประชากรในประเทศไทย

นพ.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในเครื่องมือด้านสาธารณสุขที่คุ้มค่าที่สุดและเป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่ดีที่สุด การฉีดวัคซีนช่วยสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพทั่วโลก และป้องกันการเสียชีวิตของผู้คนประมาณ 3.5-5 ล้านคนทั่วโลกจากโรคภัยต่าง ๆ ในแต่ละปี อย่างไรก็ตามยังมีเด็กหลายล้านคนทั่วโลกที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนและมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเราไม่สามารถปล่อยให้เด็กหลายล้านคนต้องใช้ชีวิตโดยปราศจากการป้องกันขั้นพื้นฐานจากโรคร้าย และเราควรต้องสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ประเทศไทยมีระบบการดูแลสุขภาพที่เข้มแข็ง ด้วยการทำงานอย่างทุ่มเทของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครหลายแสนคน รวมทั้งพันธมิตรต่าง ๆ ซึ่งความมุ่งมั่นในการรับมือโรคโควิด19 ร่วมกันนี้ ทำให้คนไทยได้รับการปกป้องจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ซึ่งองค์การอนามัยโลกขอขอบคุณทุกคนและมีความภูมิใจและพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างทุกคน”

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า “สถาบันวัคซีนแห่งชาติ มุ่งประสานความร่วมมือ เพื่อก่อให้เกิดการผนึกกำลังของภาครัฐและเอกชน ที่จะผลักดันให้การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนของประชาชนในประเทศ สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของวัคซีนทั้งระดับนโยบาย ระดับผู้ปฏิบัติและประชาชน ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ประเทศไทยมีอัตราความครอบคลุมในการให้บริการวัคซีนในปี 2564-2565 ลดลงร้อยละ 10-20 ในแต่ละชนิดวัคซีน อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ดังนั้น เมื่อสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 มีแนวโน้มดีขึ้น จึงได้เร่งรัดการให้บริการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อเพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนพื้นฐานทุกกลุ่มเป้าหมายให้เป็นไปตามเกณฑ์”


จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประเทศไทยมีอัตราความครอบคลุมในการให้บริการวัคซีนในปี 2564-2565 ลดลงร้อยละ 10-20 อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นในโอกาสสัปดาห์แห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเป้าหมาย เข้ารับวัคซีนตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และขอให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนตามกำหนดนัดหมายให้มากที่สุด เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน และช่วยลดการระบาดของโรคในภาพรวมด้วย

นพ.นคร เปรมศรี  ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ  
ร่วมเสวนาในประเด็นของความร่วมมือในการเพิ่มความครอบคลุมการรับวัคซีนทั่วประเทศ

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์  ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ
ร่วมเสวนา ในประเด็น-การรับวัคซีนในเด็ก

พญ.สุดา พันธุ์รินทร์ อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกันทางคลีนิกสถานเสาวภา สภากาชาดไทย
ร่วมเสวนา ในประเด็นคำแนะนำในการฉีควัคซีนในผู้สุงอายุ

คุณอาจสนใจ

Related News