ช่วยตา 77 โดนลูกไล่ออกจากบ้าน หลังทำหมาตาย ต้องนอนศาลาริมถนน ด้านแฟนลูกโต้ ตาเซ็นสัญญายอมออกไปเอง

สังคม

ช่วยตา 77 โดนลูกไล่ออกจากบ้าน หลังทำหมาตาย ต้องนอนศาลาริมถนน ด้านแฟนลูกโต้ ตาเซ็นสัญญายอมออกไปเอง

28 พ.ค. 2568

774 views

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ พม. จังหวัดสมุทรปราการ เดินทางเข้าพบและพูดคุยกับ คุณตา วัย 77 ปี ที่ตกเป็นกระแสข่าว ถูกลูกให้ออกจากบ้าน บริเวณศาลาวินจักรยานยนต์ ซอยเทศบาลบางปู 39 จ.สมุทรปราการ


โดยไปพบกับ คุณตาอินสม อายุ 77 ปี นอนอาศัยอยู่ที่ศาลาริมถนน พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชิ้น หลังถูกลูกชายที่อาศัยอยู่ด้วยไล่ออกจากบ้าน เหตุเพราะเผลอให้อาหารผิดจนสุนัขของลูกตาย ลูกชายไม่พอใจจนไล่ออกมาอยู่ลำพัง พร้อมถูกแฟนลูกชายพูดจาเหยียดว่าเป็น “ขยะของบ้าน”


โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ พม.สมุทรปราการ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่นิติบุคคลของหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลบางปู ได้เข้าช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึง จึงพาคุณตาเข้าไปพูดคุยกับลูกชาย เพื่อหาข้อสรุปว่ายังจะรับดูแลคุณตาอยู่หรือไม่ หากไม่รับดูแลแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะติดต่อไปหาลูกคนอื่นของคุณตา หากยังไม่มีใครรับดูแลอีก ก็จะส่งตัวคุณตาเข้าตามระบบของ พม. ต่อไป


นางรัตนาพร อายุ 53 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ตนเห็นคุณตามานอนที่ศาลาหน้าหมู่บ้านมา 2-3 วัน แล้ว ตอนแรกตนก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงมานอนตรงนี้ พอสอบถาม รปภ.หมู่บ้านก็ทราบว่า คุณตามีปัญหากับลูกชาย จึงมานอนอยู่ตรงนี้ พอนิติฯทราบเรื่องจึงพาคุณตามาพักที่สำนักงานนิติ


ขณะที่ คุณตาอินสม อายุ 77 ปี บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เดิมเป็นคนเชียงใหม่ เพิ่งมาอยู่ที่สมุทรปราการได้ประมาณ 6 ปี มีลูกชาย 4 คน หญิง 2 ชาย 2 ลูกผู้หญิงตายไป 1 คน ตอนนี้เหลือลูก 3 คน ตนอาศัยอยู่กับลูกชายคนโต เวลาลูกชายไม่พอใจอะไรก็มาลงกับตนตลอด ขนาดเศษบะหมี่กึ่งฯตก ตนนอนอยู่ยังเรียกมาเก็บ ลูกชายตนไล่ตนมาเป็นสิบครั้งแล้ว ตอนนี้ตนก็ไม่อยากจะอยู่กับลูกแล้ว จะกลับไปเชียงใหม่ญาติก็ตายกันหมดแล้ว ซึ่งตอนมาอยู่ที่บ้านนี้ก็มีหน้าที่เลี้ยงดูหมาให้ลูกชาย


ก่อนจะออกจากบ้านพักไป บุตรชายได้จัดทำหนังสือข้อตกลงขึ้นมา โดยมีเนื้อหากำหนดให้ตนลงนามยินยอมว่า จะไม่กลับมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวอีก เนื่องจากทำผิดกฏของบ้าน พร้อมกับมอบเงินจำนวน 5,000 บาทให้ตนเป็นค่าดำรงชีพเบื้องต้นและเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตนจึงยินยอมลงนามในเอกสารดังกล่าว เพราะต้องการเงินก้อนเล็ก ๆ ไว้ใช้ในการเดินทางกลับไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของครอบครัว


หลังออกจากบ้านได้ไม่นาน ตนไม่สามารถขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิดได้ทันตามกำหนด ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายได้ตามที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งไม่มีสถานที่พักพิงหรือญาติใกล้ชิดในพื้นที่ จึงตัดสินใจกลับมาที่ศาลาวินมอเตอร์ไซค์เดิม เพราะไม่รู้จะไปพักที่ไหน ไม่มีที่พึ่งพิงอีกแล้ว แม้จะรู้ดีว่าไม่ควรกลับมา แต่ก็ไม่มีทางเลือก


นายเอ (นามสมมุติ) แฟนของลูกชาย เล่าว่า ตนคบกับแฟนมา 20 ปี เห็นพฤติกรรมของพ่อแฟนมาตลอด พ่อจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบทำลายข้าวของ และขโมยเงินของตน ตนยืนยันว่าไม่เคยไล่พ่อออกจากบ้าน แต่พ่อเองที่เป็นฝ่ายออกไป ซึ่งตนก็ถามย้ำแล้ว แต่พ่อเองก็ยังยืนยันคำเดิม จึงตกลงทำหนังสือสัญญาว่าไปแล้วจะไม่กลับมาอีก


ตนยอมรับว่าก็เคยทะเลาะกันมีปากเสียงตามประสาคนในครอบครัว เรื่องล่าสุดที่ทะเลาะกันเพราะพ่อเอาอาหารคนให้หมาตนกิน จนหมาตนตาย อีกเรื่องหนึ่งที่ตนอยากให้ทราบก็คือพ่อไม่เคยเลี้ยงดูลูกตั้งแต่เด็ก มีแต่ส่งเงินมาแต่ไม่ถึงลูก แม่เอาไปเล่นไพ่


ตนกับแฟนและพ่อมาอยู่บ้านนี้มาสิบปี ที่ผ่านมาพ่อแอบพาผู้หญิงเข้าบ้าน และเอาเงินที่ตนให้ไว้ไปให้ผู้หญิง ตนดูแลพ่อมาดีตลอด ที่พ่อออกจากบ้านไป 7 วัน และเพิ่งจะมานอนตรงศาลาได้ 3 วัน ตลอดเวลา 3 วัน ตนนอนไม่หลับ ก็ออกไปแอบดูพ่อตลอด ยอมรับว่าเป็นห่วง ก็ออกไปตามให้พ่อเข้าบ้าน แต่พ่อบอกไม่ต้องมายุ่ง


ส่วนสัญญาที่ตนทำไว้กับพ่อก็ไม่ได้อะไรผูกมัดกับพ่อทั้งนั้น เพราะทราบดีว่าพ่อเป็นคนยังไง เดี๋ยวแกก็กลับมา ส่วนถ้าพ่อจะกลับมา ตนก็ต้องบอกว่าบ้านนี้เป็นบ้านของตน ตนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ เพราะแฟนตนก็ไม่ทำงาน ตนเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด ถ้ากลับมาแล้วมีปัญหา คนอื่นหรือชาวบ้านก็จะมาว่าตนอีก ตนอยากให้ไปถามพ่อมากกว่าว่ายังอยากอยู่ไหม


เบื้องต้นจากการพูดคุยนายอินสมฯ ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่ประสงค์จะกลับไปอาศัยอยู่กับลูกชายอีก เนื่องจากมีปัญหากันบ่อยครั้ง และรู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ บ้านหลังดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของแฟนลูกชาย ไม่ใช่ของลูกชายโดยตรง


ขณะที่นางสำเนียง อายุ 54 ปี เพื่อนบ้านที่สนิทกับลุง บอกว่า คุณลุงอยู่ที่นี่มาเกือบจะ 10 ปีแล้ว บ้านหลังนี้เป็นบ้านของทางแฟน เขาให้ลุงอยู่บ้านเลี้ยงหมา ตอนแรกลูกลุงทำงานแต่พอหมาออกลูก แฟนของลูกชายลุงก็ให้ลูกลุงออกจากงานมาอยู่บ้านเลี้ยงหมา


เขาให้เงินลุงใช้สัปดาห์ละ 600 บาท ก่อนจะลดจนเหลือสัปดาห์ละ 100 บาท แล้วซื้อไข่ไว้ให้ ตนก็มีเอากับข้าวมาให้ลุงบ้าง พักหลังตนไม่ค่อยได้เจอลุง เขาอยู่แต่ในบ้านเหมือนจะมีปัญหาอะไร ตอนที่ตนเจอลุงก็ทักทายพูดคุย ลุงบอกไม่มีเงินใช้ ไปไหนไม่ได้ ตนได้ถามเรื่อง เงินหมื่นที่ทางรัฐบาลแจกว่าลุงได้ทำไหม ตนแนะนำให้ลุงไปดำเนินเรื่องและให้วินมอเตอร์ไซค์พาไป


ตอนเย็นลุงกลับมาตนก็ถามว่าทำได้ไหม เขาก็บอกรอเงินเข้า หลังจากที่รัฐแจกเงินตนก็ได้ถามลุง ลุงก็บอกว่าลูกเอาไปหมดแล้ว ลูกให้มา 200 ช่วงเย็นลุงจะชอบเดินไปนั่งคุยนั่งเล่นข้างนอก ลุงจะเล่าปัญหาให้ตนฟัง ลูกลุงเป็นไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เขาเลี้ยงหมาอย่างเดียว มีอยู่วันหนึ่งตนเห็นลุงนั่งอยู่ที่วินคิดว่าลุงไปนั่งเล่น ตนไม่รู้ว่าลุงออกจากบ้านจนลูกตนไปเห็นในเพจข่าวของสมุทรปราการ ตนทำงานอยู่เลยขอ ผอ.ออกมาดูลุง เพราะตนเป็นเพื่อนบ้านลุง


นางสำเนียง บอกอีกว่า ลุงเป็นคนเรียบร้อยไม่พูดจาหยาบคาย เป็นคนพูดเพราะ แต่ในบ้านตนไม่รู้ แต่ไม่เคยเห็นลุงด่าลูก ถ้าเรื่องติดผู้หญิง ตนคิดว่าไม่น่าใช่ แต่ลุงจะชอบเดินไปคุยกับเพื่อนบ้าน แฟนลูกเขาทำงานคนเดียว ลูกลุงก็ไม่ได้ทำงาน บ้านหลังนี้ก็เป็นของแฟนลูกลุง ผู้ชายอยู่ด้วยกันก็น่าจะมีปัญหา แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นไล่ออกจากบ้าน แต่มีหลายครั้งที่ไล่ลุงออกจากบ้าน แต่ลุงไม่มีที่ไป ครั้งนี้แรงสุดน่าจะเป็นเรื่องหมาตาย เพราะหมาเขาขายได้ตัวเป็นหมื่น


ขณะที่ นายจักรี ทูคำมี เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรปราการ บอกว่า เบื้องต้นจากการพูดคุยกับทางคุณลุงและลูกชาย ได้ข้อสรุปว่า คุณลุงยืนยันว่าจะขอเข้าไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ ซึ่งทาง พม. จะรับตัวคุณลุงไปอยู่ในความดูแล


ส่วนประเด็นที่ที่มีการเข้าใจผิดกันว่ามีการไล่ออกจากบ้านนั้น จากการพูดคุยเบื้องต้นทราบว่า ทางด้านคุณลุงได้มีการสมัครใจและทำหนังสือยินยอมที่จะไปอยู่ที่เชียงใหม่เพื่อไปหาน้องสาว ซึ่งทางลูกเขยได้ให้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อเดินทางไปเชียงใหม่ ยืนยันว่ากรณีหนังสือสัญญาที่ทำขึ้นมานั้นเกิดจากความยินยอมของทางคุณลุง ซึ่งทางด้านลูกเขยทำไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการไล่ออกจากบ้านแต่อย่างใด

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ