ลุ้นเงินดิจิทัล เฟส 3! “คลัง”เตรียมชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “นายกฯ” 19 พ.ค.

เลือกตั้งและการเมือง

ลุ้นเงินดิจิทัล เฟส 3! “คลัง”เตรียมชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “นายกฯ” 19 พ.ค.

16 พ.ค. 2568

153 views

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 พ.ค. 2568 เวลา 16.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยวาระสำคัญคือการพิจารณาทบทวนแผนการใช้จ่ายเม็ดเงิน จำนวน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งเดิมเตรียมจะไว้ใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต แต่ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ จึงต้องมีทบทวนแผนการใช้เงินในส่วนนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด


ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ในฐานะเลขานุการ ได้รับโจทย์จากรัฐบาลในการพิจารณาโครงการและมาตรการที่จะใช้จ่ายในงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท โดยได้หารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และสำนักงบประมาณ ทำการบ้านอย่างละเอียดเรียบร้อยหมดแล้ว โดยแยกแผนการใช้เงินสำหรับกลุ่มต่าง ๆ อย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


ทั้งนี้โครงการที่จะดำเนินการจะต้องตอบโจทย์ และคาดหวังกับเศรษฐกิจได้ เป็นมาตรการที่เตรียมไว้อย่างดีที่สุดเท่าที่เงินมี เช่น โครงการลงทุนซึ่งจะต้องเป็นโครงการขนาดเล็กที่ลงทุนเร็วใน 4-5 เดือน การปรับโครงสร้าง การดูแลกลุ่มอุตสาหกรรมที่อาจจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ทั้งหมดนี้ต้องเตรียมแผนรองรับไว้ และถือเป็นความครบถ้นของการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด หลังจากนั้นจะเสนอคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาต่อไปว่าเห็นด้วยกับแนวทางต่าง ๆ ที่ได้เตรียมเสนอไว้หรือไม่ ทั้งหมดต้องรอที่ประชุมสรุปอีกที หลังจากนั้นจึงจะส่งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา


สำหรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3-4 ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจะมีการเดินหน้าต่อหรือไม่ อยากให้รอดูผลการประชุมในวันที่ 19 พ.ค. นี้


ทั้งนี้ หากถามว่าเม็ดเงิน 1.57 แสนล้านบาท จะเพียงพอรองรับผลกระทบที่จะเกิดกับเศรษฐกิจไทยหรือไม่นั้น คงต้องไปรอดูการประเมินผลการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นว่าท้ายที่สุดแล้วไทยจะโดนภาษีเท่าไหร่ หรือไม่ อย่างไร จะมีผลกระทบกับอุตสาหกรรมไหน เท่าไหร่ อยากให้รอดูตรงนั้นด้วยถึงจะรู้ว่างบที่มีในส่วนนี้พอ หรือไม่พอ และหากท้ายที่สุดหากไม่เพียงพอจริง ๆ ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะมีวงเงินงบประมาณก้อนอื่น ๆ ที่จะสามารถเกลี่ยมาช่วยรองรับในส่วนนี้ได้


อย่างไรก็ดี ในส่วนของแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 นั้น คาดหวังว่าตัวเลขจีดีพีจะไม่ลงไปต่ำกว่า 2% ให้ช้ำใจก็พอแล้ว จากเดิมคาดการณ์ที่ 2.9% แต่ตอนนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดคาดการณ์ลงมาเหลือ 2.1% แล้ว และไม่อยากเห็นกรณีเลวร้ายที่ตัวเลขจีดีพีขยายตัวเพียง 1% เชื่อว่าทุกฝ่ายจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาการเติบโตไม่ให้ต่ำกว่า 2% ดังนั้นการจะปรับหรือทบทวนแผนการใช้เงินต่าง ๆ จึงต้องทำให้เร็ว และต้องมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย โดยเม็ดเงิน 1.57 แสนล้านบาทนี้ จะต้องเร่งใช้จ่ายให้หมดภายใน ก.ย. 2568 เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ