จับชายเวียดนามซุก 6 คนจีน ในห้องเช่ากลางกรุงฯ เตรียมส่งไปทำงานที่เมียนมา

สังคม

จับชายเวียดนามซุก 6 คนจีน ในห้องเช่ากลางกรุงฯ เตรียมส่งไปทำงานที่เมียนมา

27 มี.ค. 2568

101 views

บุกจับชายเวียดนาม แอบซุกซ่อน 6 คนจีน ในห้องเช่าลับตาคนในกรุงเทพฯ คอยส่งข้าวส่งน้ำ สั่งห้ามออกไปไหน เตรียมส่งไปทำงานที่เมียนมา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2568 มีคนต่างด้าวสัญชาติจีน ชื่อนาย หลิว (นามสมมติ) ที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย แจ้งเบาะแสมายัง บก.ตม.1 ว่า ญาติของตนที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน ได้ติดต่อขอให้ตนช่วยเหลือ เนื่องจากบุตรชายชื่อนายเฉิน (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ถูกกลุ่มมิจฉาชีพล่อลวงว่าจะพาไปทำงานยังประเทศเมียนมา ซึ่งจะได้รับเงินค่าจ้างจำนวนมาก

จึงหลงเชื่อและได้ติดต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวจากนั้นได้ถูกพาตัวลักลอบเดินทางออกจากประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยออกจากเมืองหนานหนิง และโดยสารเรือเล็กมาขึ้นฝั่งยังประเทศเวียดนาม จากนั้นได้เดินทางโดยรถยนต์มายังกัมพูชาและลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ จ.ตราด เมื่อเข้ามายังประเทศไทยได้แล้วจึงถูกส่งตัวมาพักอาศัยในห้องเช่าลักษณะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณย่านชานเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อรอส่งตัวไปเมียนมา ซึ่งนายเฉินรู้สึกถึงความผิดปกติในการเดินทางแต่ละครั้งกลุ่มคนดังกล่าวจะกระทำแบบลับๆ มีการเปลี่ยนรถยนต์กลางทาง 2-3 ครั้ง จึงรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและได้แจ้งพิกัดสุดท้ายก่อนที่จะแบตเตอรี่จะหมด ไปให้กับบิดาที่ประเทศจีน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม.1 นำพิกัดดังกล่าวมาประชุมทำการสืบสวนติดตามช่วยเหลือ โดยวางกำลังตำรวจสืบสวนหาที่พักต้องสงสัย บริเวณพิกัดซึ่งนายเฉินส่งให้บิดาที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นย่านชุมชน มีหอพัก ห้องเช่า บ้านพักคนงาน หลายแห่ง

จนกระทั่ง พบห้องเช่าแห่งหนึ่งอยู่ในสถานที่ลับตา ภายในซอยย่านหัวหมาก เจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่เพื่อพิสูจน์ทราบว่ามีคนต่างด้าวถูกพามาซุกซ่อนไว้ตามที่มีการแจ้งเบาะแสหรือไม่ ซึ่งจากการนำภาพถ่ายนายเฉินให้เจ้าของห้องเช่าดูพบว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่พักอาศัยอยู่ในห้องเช่าของตน เจ้าของห้องเช่าให้การว่ามีชายชาวเวียดนามเป็นผู้เปิดห้องพักดังกล่าว จำนวน 3 ห้อง มีชาวจีนพักอาศัยอยู่ จำนวน 6 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 จึงได้ ทำการเคาะประตูห้องทั้ง 3 ห้อง จนพบนายเฉินและชายชาวจีนรายอื่นๆ รวม 6 คน ซึ่งทั้ง 6 ราย ไม่มีหนังสือเดินทางและรับว่าลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยให้การว่าถูกชักชวนไปทำงานยังประเทศเมียนมาซึ่งจะได้รับเงินค่าจ้างจำนวนมาก ในระหว่างพักอาศัยที่ห้องเช่าดังกล่าวไม่มีใครบังคับหรือกักขัง

แต่มีนายเหงียน ชาวเวียดนามเป็นคนคอยส่งอาหารให้วันละ 3 มื้อ และขู่ว่าห้ามออกไปไหนเพราะเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายและจะถูกตำรวจจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้ตรวจสอบภาพวงจรปิดของห้องเช่าจนได้พยานหลักฐานขณะนายเหงียนกำลังมาส่งอาหารมื้อก่อนหน้า จึงได้ซุ่มวางกำลังในบริเวณห้องเช่าดังกล่าวเพื่อจับกุมจนกระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. จึงพบนายเหงียนซึ่งรูปพรรณสัณฐานตรงตามภาพกล้องวงจรปิด ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาส่งอาหารเย็นจำนวน 6 กล่อง ให้กลุ่มชาวจีนยังห้องเช่า กก.สืบสวน บก.ตม.1

จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และขอตรวจสอบหนังสือเดินทางของนายเหงียนพบว่า เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อช่วงเดือน  ก.พ.2568 ทางจุดผ่านแดนบ้านคลองลึก ด่าน ตม.จว.สระแก้ว ได้รับการตรวจลงตราประเภท ผ.60-ม.17 การอนุญาตยังไม่สิ้นสุด  ในชั้นจับกุมนายเหงียนรับว่าตน ได้รับการว่าจ้างจากคนเวียดนามซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ถูกจับกุมรู้จักผ่านแอปพลิเคชัน โดยได้พบโพสต์เกี่ยวกับการหาคนเวียดนามที่สามารถพูดภาษาไทยและอยู่ไทย ผู้จับกุมสนใจจึงได้ติดต่อไป จากนั้นผู้ว่าจ้างจึงได้โทรติดต่อมาให้ทำหน้าที่จัดการรับคนต่างด้าวมาพักในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจะให้ค่าตอบแทนรอบละประมาณ 3,000 – 5,000 บาท เมื่อผู้ถูกจับกุมตกลงรับงานจ้างดังกล่าวจึงมีคนขับรถพากลุ่มคนจีนมาส่ง

โดยผู้ถูกจับกุมทำหน้าที่จองห้องพัก รับกุญแจเปิดห้องพัก จ่ายเงินค่าเช่ารวมไปถึงคอยส่งข้าว น้ำ และอาหาร ให้กับคนต่างด้าวสัญชาติจีนแต่ละกลุ่ม โดยผู้ถูกจับกุม โดยได้ดำเนินลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 3-4 ครั้ง  เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหานาย เหงียน ชาวเวียดนาม ในความผิดฐาน “ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย พ้นจากการจับกุม” ตามมาตรา 64 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  และแจ้งข้อกล่าวหาชาวจีนทั้ง 6 รายว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางอนุญาตตามกฎหมาย”  จากนั้นนำตัวผู้ต้องหารวม 7 ราย ส่ง พงส.สน.หัวหมาก ดำเนินการตามกฎหมาย สตม. มีข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องมีความคืบหน้าในทิศทางการสืบสวนพอสมควรที่จะขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจะได้รายงานให้สื่อมวลชนทราบผลการปฏิบัติต่อไป



คุณอาจสนใจ