สำนักข่าวต่างประเทศตีข่าว “ภูเก็ต” จังหวัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยว กำลังเผชิญวิกฤตขยะ โดยรายงานว่าทุกวันจะมีขยะประมาณ 1,100 ตัน ถูกส่งไปยังบ่อขยะใกล้กับชุมชน แต่ถูกเผาเพียง 700 ตัน ที่เหลือจะถูกทิ้งให้กองทับถมขึ้นไปเรื่อยๆ จนชาวบ้านได้รับผลกระทบ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า จังหวัดภูเก็ต เกาะท่องเที่ยวชื่อดังที่มีหาดทรายสีขาวและสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักทางภาคใต้ของไทยกำลังประสบกับวิกฤตขยะจากการที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว ในขณะกำลังมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

รอยเตอร์สรายงานว่า ทุกๆ วันขยะประมาณ 1,100 ตันที่ถูกเก็บมาจากสถานที่ต่างๆ ทั่วเกาะภูเก็ตจะถูกส่งไปยังบ่อฝังกลบขยะที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตะวันออกใกล้กับสะพานหิน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะถูกเผาเพียง 700 ตันเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็จะถูกทิ้งให้กองทับถมกันขึ้นไปเรื่อยๆ ใกล้ๆ กับบ่อขยะแห่งนี้มีชุมชนที่มีชาวบ้าน 935 คน อาศัยอยู่ ซึ่งทุก ๆ วันพวกเขาเหล่านี้ก็ต้องประสบกับปัญหากลิ่นเหม็นจากกองขยะ

สำนักข่าวรอยเตอร์สได้ไปสัมภาษณ์คุณวาสนา ชาวบ้านวัย 41 ปีที่มีบ้านอยู่ตรงข้ามกับกองขยะ เธอบอกว่าเธอไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้เลย บางครั้งอยู่ในบ้านเธอก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยเพราะกลิ่นขยะเหม็นมาก เธอต้องเปิดเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศตลอดเวลาจนทำให้ค่าไฟพุ่งถึง 6,000 บาทต่อเดือน

คุณวาสนาบอกว่า เธออยากพาลูก ๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์บ้างแต่ก็ทำไม่ได้ เธอไม่กล้าพาลูกน้อยที่พึ่งคลอดได้ 3 เดือนออกไปนอกบ้านเลย

ทั้งนี้ รอยเตอร์สบอกว่าจังหวัดภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดของไทยกำลังได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วเนื่องจากการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย เมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนประเทศไทยมากถึง 35.5 ล้านคน ในจำนวนนี้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ตมากถึง 13 ล้านคน

นายศุภโชค ละอองเพชร รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ตกล่าวว่าการเติบโตของจังหวัดภูเก็ตก้าวกระโดดมากกว่าที่ควรจะเป็นทำให้เกิดวิกฤตขยะขึ้น

ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้ จังหวัดภูเก็ตอาจผลิตขยะมากถึง 1,400 ตันต่อวันซึ่งเกินกว่าปริมาณที่บ่อฝังกลบขยะจะสามารถรองรับได้ ซึ่งนายศุภโชคก็บอกว่าทางเทศบาลนครภูเก็ตกำลังวางแผนที่จะเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับการรองรับขยะที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ทางการกำลังผลักดันแผนลดปริมาณขยะลง 15% ภายในเวลา 6 เดือน พร้อมกับสร้างเตาเผาขยะแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าเตาเผาขยะแห่งที่ 2 จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีหน้าหรือต้นปี 2570 โดยสามารถเผาขยะได้ 500 ตันต่อวัน

อย่างไรก็ดี ทางผู้เชี่ยวชาญมองว่าแผนการจัดการขยะของทางเทศบาลนครภูเก็ตในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขวิกฤตนี้ได้ พวกเขาจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับการลดและคัดแยกขยะเพิ่มมากขึ้น

รอยเตอร์สบอกว่าวิกฤตขยะของจังหวัดภูเก็ตเกิดขึ้นในขณะที่กำลังมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันเกาะแห่งนี้ให้กลายเป็นจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมากขึ้น เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ GSTC ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานการเดินทางและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้เดินทางลงพื้นที่ไปที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อประเมินผลเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งผลการประเมินในเบื้องต้นพบว่าจังหวัดภูเก็ตยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง

มิฮี คัง (Mihee Kang) ผู้ประเมินและผู้อำนวยการของ GSTC ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่าสิ่งที่เธอพบในจังหวัดภูเก็ตคือ มีที่พักอย่างน้อย 70% ที่ไม่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งเธอได้เรียกร้องให้ทางการเร่งดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ เพราะการที่ที่พักไม่ได้ลงทะเบียนอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านการจัดการขยะ หรืออาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว