ประชาชนรอบเขื่อนน้ำอูนร้องเรียน เกิดการแพร่พันธุ์ของจอกหูหนูยักษ์ กระจายตัวอย่างรวดเร็ว บริเวณเขื่อนน้ำอูน อ.พังโคน จ.สกลนคร ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยัน ไม่นิ่งนอนใจ อยู่ระหว่างการศึกษาและแนวทางกำจัด ชี้ไม่กระทบต่อระบบนิเวศโดยรวม



วันที่ 23 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บริเวณสันเขื่อนน้ำอูน ต.แร่ อ.พังโคน จ.สกลนคร พบว่าขณะนี้ปริมาณน้ำอูนยังสามารถรองรับน้ำได้อีกปริมาณมาก ล่าสุดอยู่ที่ 353 ลบ.ม หรือร้อยละ 68 จากความจุเก็บกัก 520 ลบ.ม.ซึ่งแน่นอนว่ายังสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยจนกว่าจะผ่านพ้นฤดูฝนในปีนี้ไป



แต่สิ่งที่เกิดขึ้นประชาชนที่อาศัยและทำประโยชน์รอบ ๆ เขื่อนน้ำอูนต่างกังวลใจเนื่องจาก ได้พบวัชพืชจอกหูหนูยักษ์แพร่พันธุ์ขยายตัวอย่างรวดเร็วเริ่มพบมาตั้งแต่ต้นปี 2566 บางจุดได้ไปปิดเส้นทางเข้าออกของเรือประมงชาวบ้าน ต่อมาพอถึงฤดูฝนแรงลมได้พัดเอาจอกหูหนูยักษ์ลอยมายังบริเวณปากกระโถนของเขื่อนหรือสปิลเวย์ เป็นภาพสีเขียวทึบบดบังทัศนียภาพที่สวยงาม เพราะบริเวณดังกล่าวถือเป็นจุดท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งของ ชาว อ.พังโคน ซึ่งแต่เดิมไม่เจอเหตุการณ์นี้มาก่อน ประชาชนเลยกังวลใจว่าหากปล่อยไว้ในอนาคตหวั่นจะเกิดปัญหาภาพรวมต่อระบบนิเวศของเขื่อนน้ำอูนได้



นายสมเจตน์ พิมพานนท์ นายอำเภอพังโคน กล่าวว่าปัญหาดังกล่าวจากการพูดคุยกับทาง ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำอูน ก็ทราบว่าทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำอูนไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ได้มีการติดตามสถานการณ์และปัญหามาตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่พบจอกหูหนูดังกล่าว เริ่มแรกมีปริมาณ 4 พันไร่ ปัจจุบันพบมากขึ้นถึง 8 พันไร่ ซึ่งกำลังศึกษาวิจัยในการทางกำจัด อย่างหนึ่งอย่างใดถึงมีจะประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านมาช่วยนำไปกำจัดโดยการทำเป็นปุ๋ยพืชสด พอเก็บได้ 2 เดือน ปรากฎว่าจอกหูหนูยักษ์มีปริมาณไปเกินความต้องการชาวบ้านเขาก็หยุดมาเอา ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาว่าจะใช้สารอินทรีย์มากำจัดและไม่สร้างผลกระทบ



นายสมเจตน์ฯ กล่าวอีกว่า ส่วนประชาชนที่กำลังกังวลใจในปัญหาระยะยาวนั้น ไม่ต้องกังวลใจเพราะปัญหาที่เกิดอยู่ได้ส่งผลต่อระบบออกซิเจนน้อยมาก เพราะจอกหูหนูยักษ์ยังไม่ก่อตัวหนาและถูกกระแสลมพัดลอยวนไปมาไม่ได้แช่เป็นเวลานาน แต่อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งแก้ไขปัญหานี้อยู่ประชาชนหายกังวลใจได้