หลังจากที่วันนี้ (4 ก.ค.) ลูกหมีและปู มัณฑนา ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยกันที่สน.ทองหล่อ ภายหลังการเจรจาร่วมกันกว่า 1 ชั่วโมง ทนายเดชา ออกมาเปิดเผยว่า มีการพูดคุยกันระหว่างลูกหมีและปู มัณฑนา โดยเจรจาทางลูกหมีขอลดหนี้และจ่ายเหลือ 1.4 ล้านบาท แต่ต้องจ่ายรวดเดียว แต่ทางปู มัณฑนา มีเงื่อนไขว่ายังไม่สะดวกจะจ่ายเงิน และเงื่อนไขที่สอง ปู ประสงค์จะดำเนินคดีกับทางลูกหมี ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา จากการไปให้สัมภาษณ์กับสื่อ และรายการทีวีต่าง ๆ ทำให้เกิดความเสียหาย ก็ดำเนินคดีกันไป และไปสู้กันที่ชั้นศาล ซึ่งอันไหนถ้าผิดก็ยอมรับ แต่การเป็นหนี้ก็ต้องจ่าย แต่ทางปูมัณฑนา พูดชัดเจนว่ายังไม่พร้อมจะจ่าย โดยจะมีการนัดไกล่เกลี่ยกันอีกอีก 2 สัปดาห์


ทนายเดชา กล่าวอีกว่า ทางปู มัณฑนาบอกว่า หนี้ 1.4 ล้าน จะเดินไปกดเงินให้ก็ได้ แต่ทางลูกหมี ทำให้ชื่อเสียงเขาเสียหาย จากการออกสื่อซึ่งเป็นมูลค่ามากกว่านั้น


ลูกหมี กล่าวว่า หลังจากมีการยื่นข้อเสนอลดหนี้ให้เหลือ 1.4 ล้านบาท แต่ทางคู่กรณีบอกว่ายังไม่สะดวกจ่าย ทำให้เป็นการเจรจาที่ไม่สำเร็จ รวมถึงมีการพูดคุยปรับความเข้าใจระหว่างกันซึ่งตนก็รับฟังเหตุผล


เมื่อถามว่าทางปู มัณฑนา จะแจ้งความดำเนินคดีทั้งหมดกี่รายนั้น ทนายเดชา ตอบว่า ยังไม่ทราบ ไม่รู้ว่ามีตนด้วยหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาตนโดนคดีหมิ่นประมาทมาหลายคดีแล้ว ซึ่งค่อนข้างพูดยาก หากมีการจ่ายหนี้มา แล้วถ้าอยากฟ้องคดีก็ค่อยไปดำเนินคดีตามหลังหากแพ้คดีก็ชดใช้ แต่ระหว่างเจรจาทางลูกหมีก็มีการขอโทษกับปู มัณฑนาว่า สิ่งไหนไม่เหมาะสม แต่เหมือนปูยังโกรธอยู่


ทั้งนี้ตนก็ยังยืนยันจะดำเนินคดีกับปู มัณฑนา ในคดี พ.ร.บ.เช็ค ไม่มีการพลิก ส่วนทนายประมาณจะดำเนินคดีในเรื่อง ดอกเบี้ยเกินอัตรา ก็เป็นความคิดของทนายประมาณตนก็เคารพ ทนายเดชา กล่าว


ต่อมาทนายประมาณ พร้อมปูมัณฑนาและสามี ออกมาให้สัมภาษณ์ โดยทนายประมาณ กล่าวว่า การไกล่เกลี่ยยังไม่สำเร็จ เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายนเป็นต้นมา ทั้งคู่กรณีมีการไปออกข่าวรายการโทรทัศน์ชื่อดัง กว่า 4 รายการ ซึ่งทำให้ทางปูมัณฑนา และครอบครัว เกิดความเสียหาย จึงอยากให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในส่วนนี้ ซึ่งตัวเงิน ถ้าหักลบกันกับการที่ปู โอนไปให้ลูก จะเหลือ 1.4 ล้านบาท ซึ่งตนยอมจ่าย อยู่แล้ว แต่การที่ไปออกสื่อ แล้วทำให้ครอบครัวของปู มัณฑนา เสียหายจะรับผิดชอบอย่างไร


ทั้งนี้ส่วนของตนก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยกันได้จะได้ไม่ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งหาคู่กรณีบอกว่า เมื่อตนมาโรงพักแล้วจะต้องรับทราบข้อกล่าวหา ตนก็จะขอใช้สิทธิ์แจ้งความกลับทันที เรื่องดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมายกำหนด ซึ่งตามกฎหมายหากดอกเบี้ยเกินอัตรา ร้อยละ 15 หากเจ้าหนี้เรียกจะมีความผิด แต่หากลูกหนี้เสนอจ่ายไม่มีความผิด ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี


สรุปว่าหากนำดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดไว้ไปรวมกับเงินต้นจะเข้าข่ายความผิดด้วย ซึ่งเช็คมูลค่า 2 ล้านบาท ก็มีมูลค่าดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดรวมอยู่ในนั้น ส่วนสัญญาเงินกู้เป็น การเซ็นกระดาษเปล่า แล้วให้ทางลูกหมี ไปกรอกเอง


ด้านปู มัณฑนา กล่าวว่า ซึ่งดอกเบี้ย ทางลูกหมีเป็นคนเสนอมาให้เอง โดยจะมีการปล่อยร้านแว่นกับเพื่อนที่ชื่อ ก.-อ. 15-20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งลูกหมีมีการไปทำธุรกิจด้วยกัน แต่ไม่ได้รับดอกเบี้ยมาหลายเดือน แล้วถ้าลูกหมีมีการไปแจ้งความกับทางร้านแว่น เพื่อต้องการดอกเบี้ย คืนมากกว่าเดิมหรือเท่าเดิม


ทั้งนี้ตนก็พร้อมจะดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทแต่ยังไม่รู้ว่าวันไหน หากสะดวกก็จะเดินทางมาแจ้งความที่ สน.ทองหล่อทันที โดยจะมีการนัดไกล่เกลี่ยอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งหากเป็นปกติคดีหนี้เงิน 1.4 ล้านไกล่เกลี่ยง่าย แต่กรณีที่ไปออกสื่อต่างๆ จนทำให้ครอบครัวของปู มัณฑนา เสียหายจะชดใช้อย่างไร ในเบื้องต้นจะมีการดำเนินคดี 4 รายการ ทีวี ช่องดังก่อน แต่ทุกๆ สื่อทุกสำนักมีลงหมด แม้จะไม่ระบุชื่อถึงปู มัณฑนา หรือ ป.เฉย ๆ เท่านั้น


โดยทีมทนายความของปู มัณฑนา กล่าวเสริมว่า ในคดีหมิ่นประมาทไม่จำเป็นว่าจะเอ่ยชื่อหรือไม่เอ่ยชื่อ แต่ต้องดูว่าบุคคลที่ 3 เมื่อฟังข้อความแล้ว รู้หรือไม่ว่าเอ่ยถึงใคร ซึ่งหากไปดูตามคอมเมนต์ในโซเชียลจะพบว่ามีเยอะมาก ที่รู้ว่ากำลังด่าใครอยู่