เจ้าหน้าที่ช่วยเด็กชายวัย 12 ถูกแม่ทำร้ายจนหน้าช้ำ-กระดูกร้าว แม่ยอมรับตีจริง เพราะลูกดื้อหนัก

สังคม

เจ้าหน้าที่ช่วยเด็กชายวัย 12 ถูกแม่ทำร้ายจนหน้าช้ำ-กระดูกร้าว แม่ยอมรับตีจริง เพราะลูกดื้อหนัก

18 มิ.ย. 2567

344 views

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน เข้าช่วยเหลือเด็กชายชั้น ป.6 อายุ 12 ปี และเด็กชายชั้น ป.4 อายุ 10 ปี 2 พี่น้องที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านสายไหม หลังได้รับการร้องเรียนว่าถูกแม่ติดยาเสพ ชอบตื่นมาตีลูกตอนกลางคืน ซึ่งเพื่อนบ้านได้ยินเด็กร้องว่า “แม่ครับผมกลัวแล้วครับ” และยังเห็นว่าลูกชายคนโตมีใบหน้าบวมช้ำกระดูกร้าว เพื่อนบ้านจึงร้องเรียนมายังเพจสายไหมต้องรอด


ระหว่างที่ทีมงาน พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่โรงเรียน พบว่าผู้เป็นแม่ได้เดินทางมารับลูกหลังเลิกเรียน เจ้าหน้าที่กระทรวง พม. จึงได้ประสานกับครู ขอให้แยกตัวเด็กไว้ ไม่ให้แม่รับตัวกลับไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน และเจ้าหน้าที่ พม. ได้ตามไปเชิญตัวแม่มาสอบถาม


แม่ของเด็ก ยอมรับว่า ได้ทำร้ายทุบตีลูกชายคนโตจริง แต่ที่ทำเพราะลูกดื้อมาก เลี้ยงยาก มีพฤติกรรมต่อต้าน โดยตอนกลางคืนจะชอบตื่นมาปลุกตนกลางดึก แล้วนั่งอุจจาระบริเวณทางเดิน เอาน้ำยาล้างจานมาราดซ้ำ จนตนเดินลื่นล้มหัวฟาด


ซึ่งตนเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกทั้ง 2 คนเพียงคนเดียว สำหรับลูกชายคนโต ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ก่อนหน้านี้ก็อยู่ด้วยกันปกติดี แต่ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลูกชายคนเล็ก ที่ตอนแรกไปอยู่กับยายหลังตนเลิกกับสามีได้ย้ายกลับมาอยู่ด้วย ตั้งแต่นั้นมา ลูกชายคนโตก็พฤติกรรมเปลี่ยน เป็นเด็กต่อต้าน ดื้อรั้น ตนพยายามสอนดี ๆ แล้วแต่ก็ไม่ฟัง ซึ่งลูกชายคนเล็กก็ไม่เป็น


ทั้งนี้ ตนรู้ว่าการตีลูกไม่ดี ไม่มีแม่คนไหนอยากตี แต่ลูกดื้อแบบที่ไม่มีใครเขาเป็นกัน ตนเลี้ยงคนเดียวก็เหนื่อย ซึ่งตนมองว่า 12 ขวบก็โตแล้ว ลูกควรปรับตัวเข้าหาตน ควรนึกถึงจิตใจคนเป็นแม่ด้วย ตนเลี้ยงลูกคนนี้อย่างดี อยากได้อะไรให้ทุกอย่างไม่เคยขาด แต่ลูกชายคนโตทำตัวไม่ดีเอง


เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรเวลาเห็นบาดแผลลูก แม่ก็ยอมรับว่าสงสาร แต่ก็ย้ำว่าเป็นเพราะลูกดื้อ และเวลาตนโมโห จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ส่วนรอยช้ำบนใบหน้า เกิดจากตนโยนไม้แขวนเสื้อใส่ และตนไม่ได้เคยพาไปหาหมอ เพราะเห็นมีแค่รอยช้ำ แต่เคยพาไปหาหมอจิตเวชเด็ก หมอบอกว่าลูกสมาธิสั้น ให้กินยา แต่ตอนนี้เลิกกินไปแล้ว


อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ปัจจุบันตนไม่ได้ใช้สารเสพติดแล้ว ยอมรับว่าเมื่อก่อนเคยเสพไอซ์ แต่เลิกไปแล้ว 6 ปี สามารถตรวจร่างกายได้ ส่วนที่บอกว่าลูกมีพฤติกรรมดื้อรั้นนั้น ตนไม่มีภาพหลักฐาน แต่สามารถเอาตนเข้าเครื่องจับเท็จได้เลย ส่วนหลังจากนี้ ก็ให้ เจ้าหน้าที่ พม. รับลูกไปดูแลก่อนสักพักหนึ่งได้ ขอให้ได้ปรับตัว


จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ได้ควบคุมตัวแม่ของเด็ก ไปที่โรงพัก เพื่อดำเนินการตรวจร่างกาย และดำเนินคดีตามขั้นตอน ส่วนตัวเด็กทั้ง 2 คนเจ้าหน้าที่ พม. จะรับไปดูแลก่อน


ด้าน นายเอกภพ เผยว่า เบื้องต้นจากการคุยกับแม่เด็ก รู้สึกตกใจ เพราะตัวคุณแม่โทษแต่ลูกอย่างเดียว ซึ่งแม่ลืมไปหรือไม่ว่า ลูกเป็นผ้าขาว ที่ขึ้นอยู่กับการอบรมสั่งสอนของแม่ จากนี้ต้องพาตัวแม่ไปให้นักจิตวิทยาประเมินว่ามีปัญหาทางจิตหรือไม่ หากพบความผิดปกติต้องได้รับการรักษา และจากการพูดคุยแม่ยอมรับว่าเคยใช้สารเสพติดเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวแม่ไปที่โรงพักเพื่อหาสารเสพติดในตัวต่อไป


สำหรับพฤติกรรมลักษณะนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก โดยทาง พม. จะแจ้งความดำเนินคดีกับคุณแม่ต่อไป และให้นักจิตวิทยามาพูดคุยกับเด็ก เพราะตอนนี้เด็กยังอยู่ในอาการหวาดกลัว ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทางโรงเรียนด้วย ที่ไม่มองข้ามความรุนแรงภายในครอบครัวไป และดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างดี เพราะเมื่อครูเห็นว่าเด็กมีรอยช้ำบนใบหน้า ครูจึงได้พาเด็กไปโรงพยาบาล จนพบว่ากระดูกบริเวณจมูกมีรอยร้าว


ด้าน ดร.เกรียงไกร ผู้อำนวยการโรงเรียน เผยว่า เด็กอายุ 12 ปี ที่ถูกแม่ทำร้าย เวลาอยู่ที่โรงเรียนเด็กพูดคุยกับเพื่อนและใช้ชีวิตได้ตามปกติ จากการรายงานของครูประจำชั้นพบว่า เป็นเด็กเรียนดี ร่าเริงปกติตามวัย และไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าว แม้ว่าเด็กมีอาการสมาธิสั้น แต่ไม่มากจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต


โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เด็กต้องมาเรียนพิเศษที่โรงเรียน แต่เด็กไม่มา จนวันจันทร์ที่เด็กมาโรงเรียนก็ได้พบว่าเด็กมีรอยช้ำที่ใบหน้า ครูเห็นว่าท่าไม่ดีจึงรีบพาเด็กไปโรงพยาบาล จากการสอบถามเด็กก็เล่าว่าถูกแม่ทำร้ายมา ส่วนตัวมองว่าการกระทำของแม่ครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง เพราะทุกครั้งจะเป็นตามร่างกายและในร่มผ้า


ซึ่งเมื่อภาคเรียนที่ผ่านมา ทางโรงเรียนเคยเรียกแม่เด็กมาพูดคุยถึงการทำร้ายเด็กแล้ว ตอนนั้นแม่เด็กก็ยอมรับ ทางโรงเรียนจึงได้ตักเตือนไป ทำให้ช่วงนั้นแม่เด็กหยุดพฤติกรรมดังกล่าวไป ก่อนมาเกิดเหตุการณ์ล่าสุด


ขณะที่ นางสาวกุลจิรา หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเด็กถูกทำร้ายร่างกายจริง และค่อนข้างรุนแรง จากนี้จะนำเด็กไปตรวจร่างกาย และแยกเด็กออกมาให้อยู่ในความดูแลของ พม. ก่อน จากนั้นก็ต้องมาดูว่าจะดำเนินการคุ้มครองเด็กแบบไหนต่อไป หรือเด็กมีญาติที่สามารถรับเด็กไปเลี้ยงดูต่อได้หรือไม่ และทาง พม.จะแจ้งความดำเนินคดีกับคุณแม่ ในข้อหาทำร้ายร่างกายต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ