สังคม
ยาย-ลูกสาวกระเตงหลาน 4 คน ร่ำไห้ขอโทษสังคม กุเรื่องสุดรันทดขอความช่วยเหลือ
30 พ.ค. 2567
1.9K views
จากกรณีเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องข้าวสาร อาหารแห้ง ให้กับน.ส.ฉวี อายุ 70 ปี หรือ ยายฉวี ,ด.ช.ทวิวรัตน์ หรือน้องเก้า อายุ 13 ปี ,ด.ช.อัครเดช หรือน้องอาร์ม อายุ 14 ปี ,ด.ญ.สุทามาษ หรือน้องเอิร์น อายุ 13 ปี และ ด.ญ.ทิวาพร หรือน้องใหม่ อายุ 8 ขวบ โดยทั้ง 4 คน เป็นหลานแท้ๆ ของยายฉวีทั้งหมด พร้อมเล่าว่ายายฉวีถูกไล่ออกจากห้องเช่าแถววัดบางไผ่ เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องและได้ค้างค่าเช่ามา 2 เดือน แต่เจ้าของห้องเช่าไม่ยอมให้เอาของในห้องออกมา รวมถึงชุดนักเรียนของเด็กๆ และต้องอาศัยขอข้าวจากวัดประทังชีวิต มีลูก 5 คน ไม่เคยดูแลหรือส่งเสีย จึงไปอาศัยอยู่ที่บ้านของคนชื่ออ้อ ซึ่งเป็นคนที่เคยทำงานด้วยกันก่อนชั่วคราว
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 30 พ.ค. 67 นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง สส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี น.ส.นันทิพา ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ผู้ชำนาญการประจำตัวสส.เขต 8 นนทบุรี ดร.พิมพ์พัชชา หยิมการุณ นายกเทศมนตรีเมืองบางคูรัด และ เก่ง ไทรน้อย แอดมินกลุ่มข่าวสาร-คนไทรน้อย-นนทบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากมีกระแสตีกลับหนังคนละม้วนเกี่ยวกับครอบครัวของยายฉวี และเด็กทั้ง 4 คน รวมถึงตัวของหญิงสาวชื่อ” น.ส.อ้อ “ที่อ้างว่าเป็นผู้ใจดีให้ที่พักอาศัย ซึ่งยายฉวีได้ยอมรับว่าเป็นแม่-ลูกกับน.ส.อ้อจริง และยกมือไหว้ขอโทษสังคม ที่ทำไปเพียงเพราะสงสาร น.ส.อ้อ ที่พิการและต้องมาหาเลี้ยงคนในครอบครัว
น.ส.อ้อ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ตนต้องโกหกเพียงเพราะต้องการให้คนสงสาร และมาช่วยบริจาคข้าวสาร อาหารแห้งให้กับครอบครัว เพราะตนตกงาน ไม่มีใครรับทำงาน เนื่องจากรู้ว่าตนมีบัตรประจำตัวคนพิการ และติดกำไล EM อยู่ ตนเสียใจและเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง ตนไม่มีข้าวกิน และไม่ได้กินยารักษาอาการจิตเวชมานานกว่า 3 ปีแล้ว
ที่เป็นแบบนี้เพราะเคยรับเหมาก่อสร้างและถูกโกงจนหมดตัว ไม่รู้ว่าสิ่งที่โพสต์ขอรับบริจาคเพียงข้าวสาร อาหารแห้ง ไม่ได้ขอรับเงินก็มีความผิด ซึ่งตนยอมให้สังคมตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญู ขอเพียงอยู่เบื้องหลังและให้คนเห็นใจมาช่วยเหลือแม่และหลานของตน
เก่ง ไทรน้อย กล่าวว่า เวลาที่มีโพสต์แบบนี้ตนจะพยายามตรวจสอบให้เร็วที่สุด บางครั้งจะเป็นสมาชิกในกลุ่มที่ส่งข้อมูลมาให้ตรวจสอบ วันที่เห็นโพสต์พอตนได้ทราบข้อมูลบางส่วนจึงขออนุญาตคุณอ้อลบโพสต์ จากนั้นได้เดินทางมาที่บ้านของคุณอ้อ แต่มีคนเข้ามาก่อนเพื่อช่วยเหลือ ตนจึงแจ้งข้อมูลให้กับคนที่เข้ามาช่วยเหลือ
พฤติกรรมของคุณอ้อในการใช้โซเชียล คือหลาย ๆ อย่างข้อมูลไม่ค่อยตรงกับความเป็นจริง ตนจึงพยายามที่จะช่วยให้เรื่องราวกระจ่างและถูกต้องมากขึ้น ส่วนในอนาคต การโพสต์ขอบริจาคต่างๆ อาจจะต้องให้แอดมินอนุมัติ เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อมูลมากขึ้น
ดร.พิมพ์พัชชา หรือ นายกเอ๋ กล่าวว่า ทางผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองบางคูรัดได้ลงพื้นที่มาช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว และเพิ่งมาทราบว่ามีเรื่องราวลึกๆ หลายอย่าง อยากให้กำลังใจกับทีมงาน แอดมินเก่ง ไทรน้อย ที่ช่วยเหลือสังคม ขอบคุณทุกคนในสังคมที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จริง ๆ ทุกอย่างก็ให้เป็นบทเรียน ทางเทศบาลเองรวมถึงตนที่เป็นผู้บริหารในท้องถิ่นนี้ และทางครอบครัวนี้ถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนพื้นที่แต่มาอยู่อาศัยก็ถือว่าอยู่ในการดูแลของเรา เราทำทุกอย่างที่สามารถทำให้ได้ ต่อไปต้องหารือและตรวจสอบก่อน การมีจิตสาธารณะช่วยเหลือสังคมเป็นสิ่งที่ดี แต่การเป็นเครื่องมือของบางอย่างต้องมีความละเอียดในการทำงานมากขึ้น
ทนายโป้ง กล่าวว่า การที่ครอบครัวประสบปัญหามีความทุกข์ ความยากจน ขัดสนต่างๆ เราเห็นใจ แต่การที่โพสต์ไปมันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผิดเรื่องของการเรี่ยไร รับบริจาค ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่หากกระทำโดยความบริสุทธิ์ใจเพราะครอบครัวมีปัญหาและอยากให้ครอบครัวรอด เพียงแต่เป็นวิธีการที่ผิด จากที่ได้พูดคุยกว่า 1 ชั่วโมง ปัญหาของคุณอ้อน่าจะอยู่ที่การประมวลความคิด สภาวะจิต การสั่งงานจากเคมีในสมองที่บกพร่อง หรือไม่เต็ม 100% ต้องวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนนทบุรี นักจิตวิทยา หน่วยงานท้องถิ่น ต้องมาช่วยกัน
สิ่งที่สำคัญคือการดูแลสภาพจิตใจ เพราะถือว่าตอนนี้ถูกกระทบกระเทือนอย่างมาก ประมวลความคิดอาจจะไม่ได้ปกติเหมือนคนอื่นทั่วๆ ไป ทำให้สมองคิดอะไรที่ผิดพลาดคาดเคลื่อนไป ในส่วนของเด็กทั้ง 4 คน ตอนนี้ทางหน่วยงานในพื้นที่ได้หาโรงเรียนและอาหารให้ อาจจะไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะเด็กได้เรียนหนังสือแล้ว แต่จากนี้ไปใครจะดูแลเด็กๆ ต่อไป สิ่งที่เป็นห่วงคือตัวของคุณอ้อ ที่จะต้องเยียวยาจิตใจและความคิด
ตอนนี้เขายังไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ทำคือผิดกฎหมาย แต่จะพูดอยู่เสมอว่ามีความจำเป็นที่ต้องทำ เราเข้าใจและเห็นใจเพียงแต่เขาไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ทำคือวิธีที่ผิดเท่านั้นเอง ส่วนในเรื่องการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง สถานะความเป็นอยู่ หรือการพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 เจ้าของบ้านเช่า และคนอื่นๆ เรื่องนี้หากความปรากฏกับเจ้าพนักงาน เรื่องของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่ต้องมีผู้เสียหายไปแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาได้เลย ส่วนเรื่องการโพสต์บริจาคเงินหรือสิ่งของ มีความผิดการเรี่ยไร แต่ความผิดที่ชัดเจนคือการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์
แท็กที่เกี่ยวข้อง