เปิดประวัติ 'บิ๊กต่อ' จากพนักงานบริษัทน้ำมัน เบนเข็มเป็นตำรวจ 25 ปี ผลงานโดดเด่นจนได้เป็น 'ผบ.ตร.'

สังคม

เปิดประวัติ 'บิ๊กต่อ' จากพนักงานบริษัทน้ำมัน เบนเข็มเป็นตำรวจ 25 ปี ผลงานโดดเด่นจนได้เป็น 'ผบ.ตร.'

28 ก.ย. 2566

2.8K views

วานนี้ (27 ก.ย. 66) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2566 โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่


ทั้งนี้ ที่มติในที่ประชุมเลือก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 ต่อไป โดยที่ประชุมมีมติ 9 ต่อ 1 และ งดออกเสียง 1 เสียง


สำหรับประวัติ ของ 'มือปราบสายธรรมะ' พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่เส้นทางชีวิต ก่อนจะขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิต เคยมานะบากบั่น จากพนักงานบริษัทน้ำมัน สู่จุดสูงสุดข้าราชการตำรวจ คว้าดาวนามเรียกขาน 'พิทักษ์ 1'   


ทั้งนี้ ประวัติ ส่วนตัว ของ 'บิ๊กต่อ' พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล มี ดังนี้

  • เกิดวันที่ 27 มกราคม 2507 เป็นชาว จ.เพชรบุรี
  • เป็นบุตรคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 5 คน
  • ป็นน้องชายของ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ และเลขาธิการพระราชวัง
  • สมรสกับ นางนิภาพรรณ สุขวิมล
  • มีบุตรสาวทั้งสิ้น 2 คน


การศึกษา

  • ระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนโยธินบูรณะ
  • ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สิงห์แดงรุ่น 38
  • ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม


ประวัติก่อนเดินทางบนเส้นทางตำรวจ

'บิ๊กต่อ' เคยเป็นพนักงานบริษัทน้ำมันมาก่อน แต่ด้วยความฝันในวัยเยาว์ จึงตัดสินใจเบนเข็มเปลี่ยนเส้นทางชีวิต เดินตามความฝันในวัยเยาว์ ด้วยการอบรมหลักสูตรการฝึกอบรม ผู้มีคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4


แม้ไม่ได้จบจากโรงเรียนเหล่า-เป็นนักเรียนนายร้อย แต่เส้นทางสีกากีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ต้องยอมรับว่าโดดเด่น ไม่แพ้ชาวรั้วสามพราน ประเดิมตำแหน่งแรก เป็นรองสารวัตรอยู่ที่กองกำกับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันรถสายตรวจ เมื่อ 1 ก.พ. 2541 ในวัย 33 ปีเศษ ซึ่งถือว่าเริ่มต้นเป็นตำรวจด้วยอายุที่มากพอสมควร อยู่ที่นั่นประมาณ 2 ปี พอติด ยศร้อยตำรวจโท ก็ไปเรียนที่โรงเรียนสืบสวนวิทยาลัยการตำรวจ รุ่นที่ 71


รองต่อ ระบุ เป็นรุ่นที่นครบาลล้วน เมื่อก่อนเขาก็จะไปคัดตัวจากโรงเรียนสืบสวนมา พวกที่ได้ที่ 1, 2, 3 เพื่อมาอยู่กองปราบฯ ตนเองไปสอบได้ที่ 3 ที่ 1 เป็นกองปราบฯ อยู่แล้ว ที่ 2 เป็นครูจากศูนย์ฝึกอบรม เขาไม่มา ก็เลยปรับได้มาเป็นรองสารวัตร แผนก 3 กอง 2 ย้ายจาก 191 มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ร้อยตำรวจโท โดยเป็นรองสารวัตรอยู่ 7 ปี เศษ จนครบหลักเกณฑ์


จากนั้น ออกไปขึ้นสารวัตร ที่รถสายตรวจท่องเที่ยว สถานี 3 กองกำกับการ 1 คุมฝั่งธนฯ เป็นรถสายตรวจท่องเที่ยว ทั้งชีวิตก็อยู่กับรถสายตรวจตลอด โดยกลับมาเป็น...

  • สารวัตรคอมมานโด
  • รองผู้กำกับการปฎิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราม (รอง ผกก.ปพ บก.ป.)
  • ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราม (ผกก.ปพ.บก.ป.)
  • รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.)


ก่อนที่ปี พ.ศ. 2561 กำกับการปฏิบัติการพิเศษได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นกองบังคับการ และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามหน่วยงานใหม่ เป็น “กองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ” โดยมี พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บังคับการคนแรก, เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.), เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.), ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานปราบปราม โดยอยู่ในลำดับที่ 4 ของบัญชีอาวุโส ก่อนได้รับการแต่งตั้งขึ้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 14 โดยใช้ระยะเวลา 25 ปี ในเส้นทางข้าราชการตำรวจ


ด้วยบุคลิกที่อ่อนนอกแต่แข็งใน และเติบโตมาในสานงานปราบปราม บ่อยครั้งจะเห็นภาพ 'รองต่อ' สวมเครื่องแบบพร้อมอาวุธครบมือ ถือปืนนำหน้ากำลังคอมมานโด เปิดยุทธการฟ้าสางกวาดล้างมือปืนผู้มีอิทธิพล เรียกได้ว่ามีเสียงปืนดังขึ้นที่ไหน ต่อให้ขึ้นเหนือ-ล่องใต้ รองต่อไปหมด

-------------

ขณะเดียวกันในแง่วิสัยทัศน์ 'รองต่อ' เป็นตำรวจที่เน้นการพัฒนาระบบ หลายครั้งที่เดินทางไปดูงานต่างประเทศ ก็จะหยิบยกข้อเด่นของแต่ละสถานที่ที่ไปดูงานมา  นำมาต่อยอดเพื่อพัฒนาบุคคลากรในองค์กร โดยจะเห็นได้จากการนำผลวิจัยทั้งในและต่างประเทศมาปรับใช้ 

  • ปรับโฉมรถสายตรวจ ที่ใช้ในปัจจุบัน ให้เป็นมีสีสะท้อนแสงร่วมกับตัวรถ ให้ง่ายต่อการมองเห็นในเวลากลางคืน
  • จุดประกายนำปืนช็อตไฟฟ้า ลดความสูญเสียของผู้ปฏิบัติ
  • การปัดฝุ่นระเบียบปืนสวัสดิการ แก้ไขเรื่องอาวุธปืนหลวงถูกนำไปขาย โดยนำ QR Code มาใช้ตรวจสอบ และติดตามแก้ปัญหา
  • ได้ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน
  • เร่งถอดบทเรียนให้ความรู้ หนี-ซ่อน-สู้ 'แอคทีฟ ชู้ตเตอร์' ให้ความรู้ตำรวจทั้งสายงานปราบปราม–หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เกี่ยวกับการเข้าระงับเหตุ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรับมือเหตุเฉพาะหน้า โดยเฉพาะเหตุกราดยิง ควบคู่กับการต่อยอดความรู้ไปยังสถานศึกษา และหน่วยงานอื่น กลายเป็นหลักสูตรที่รู้จักแพร่หลาย


ไม่เพียงเท่านี้ บ่อยครั้งจะเห็นภาพ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ออกตรวจเยี่ยมกำลังพล ควบคู่กับดูแลจัดสวัสดิการตำรวจชั้นผู้น้อย และในห้วงที่ 'รองต่อ' ดำรงตำแหน่ง ผกก.คอมมานโด ได้จัดระเบียบหน่วยใหม่ เน้น 'สวัสดิการ' ลูกน้อง ตรวจดูบัญชีครัวเรือนของลูกน้องทุกคน พร้อมจัดหาสวัสดิการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา


ผลงานในรอบปีนี้ หน้างานปราบปรามที่มี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล คุมหน้างานค่อนข้างโดดเด่น

  • กวาดล้างขบวนการพนันออนไลน์เครือข่ายมาเก๊า 888
  • ตัดวงจร 'ซิม-สาย-เสา' สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
  • ทลายเครือข่ายขบวนการหลอกขายข้อมูลส่วนบุคคล
  • แก๊งลอบเข้าข้อมูลระบบขนส่ง ปรับแต่งเล่มทะเบียนสวมรถหรู เป็นต้น


พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ฉายา มือปราบสายธรรมะ และ โรโบคอปสายบุญ ที่สื่อสายตำรวจตั้งให้ ด้วยบ่อยครั้ง ที่จะใช้หลักธรรมในการทำงาน และเห็นภาพ รองต่อ เดินสายปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่าง


ทั้งยังมักปรากฏตัวในงานบุญ งานกุศล ไปจนถึงงานศพของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้บังคับบัญชา


อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถือได้ว่าเป็น ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ที่ไม่ได้มาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และถือเป็นคนที่ 2 ของสิงห์แดง ที่ขึ้น ผบ.ตร. ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ได้เคยดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมตำรวจ (2536-2537) เป็นคนแรก

------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/dxzn5Q31ze0









คุณอาจสนใจ

Related News