ตร.ไซเบอร์ บุกค้นบ้าน 45 ล้าน เอี่ยวแก๊งจีนคริปโต ฟอกเงินซื้อบริษัท พบมีภาพชาวจีนในเครื่องแบบ

อาชญากรรม

ตร.ไซเบอร์ บุกค้นบ้าน 45 ล้าน เอี่ยวแก๊งจีนคริปโต ฟอกเงินซื้อบริษัท พบมีภาพชาวจีนในเครื่องแบบ

26 ก.ค. 2566

417 views

ตร.ไซเบอร์ บุกค้นบ้านเอี่ยวแก๊งจีนคริปโต เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน นำเงินผู้เสียหายซื้ออสังหาริมทรัพย์รูปแบบบริษัท พบมีภาพในเครื่องแบบรักษาดินแดน


วันที่ 26 ก.ค. 2566 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฎิบัติการล่าขุมทรัพย์ราชาคริปโต นำกำลังเข้าตรวจค้น 2 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ




จุดแรกเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านนันทวัน พระราม 9 - ศรีนครินทร์ แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ เป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้น มูลค่า 45 ล้านบาท มีแม่บ้านที่ดูแลบ้านดังกล่าวเป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้น พบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องในทางคดีจำนวนมาก อีกทั้งยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหารประดับเครื่องหมายผู้กำกับสำรองตรี ระบุชื่อ สมปอง ซู อีกทั้งพบรูปถ่ายวันประดับเครื่องหมายผู้สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรผู้กำกับกำลังสำรอง รักษาดินแดนรุ่นที่ 34  พร้อมเกียรติบัตร ของสังกัดสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทยอยู่ในห้องนอน รวมทั้งหนังสือเดินทางระบุชื่อนายซูเผิงเฟย สัญชาติจีน นอกจากนี้ในส่วนผู้ดูแลให้การยืนยันว่านายซูเผิงเฟย หรือ นายสมปอง ซู เป็นเจ้าของบ้าน อีกทั้งเป็นบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งหลังจากที่มีข่าวจับกุมคนจีนก่อนหน้าก็ได้เดินทางออกนอกประเทศไป




นอกจากนี้ได้ตรวจยึดรถยนต์โตโยต้าอัลพาดสีขาว, รถยนต์โตโยต้ารีโว่สีดำ, โฉนดที่ดินอาคารชุด โครงการวัน ไนน์ ไฟว์ อโศกพระราม 9 จำนวน 8 ห้องชุด, โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ และตู้เชฟ 1 ตู้ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ




จุดที่สองเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นศาลเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในซอยกาญจนาภิเษก 12 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ซิน รุ่ย เทคโนโลยี เบื้องต้นไม่พบว่ามีผู้พักอาศัยหรือผู้ดูแล


พล.ต.ต.อำนาจ ตรพจน์ รองผู้บัญชาการ กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลจากปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลกราชาคริปโตฯ Ep.1 และ Ep.2 โดยครั้งนั้นตำรวจไซเบอร์ได้เข้าตรวจค้น 6 จุด ในย่านศรีนครินทร์ และจับกุมนายเซาเซียน ซู อายุ 31 ปี และนางคี ยิ ยี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน และนายคำเฮง จุลมนตรี  สัญชาติ ลาว ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน หลังก่อเหตุใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิท ผู้เสียหายผ่านช่องทางโซเซ่ียลมีเดียต่างๆ ก่อนจะชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสําหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัลหรือ สินทรัพย์ต่างๆ ในลักษณะหลอกลงทุนไฮบริดสแกรม ซึ่งมีผู้เสียหายหลายพื้นที่




จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายซูเผิงเฟย หรือ นายสมปอง ซู ซึ่งแนวทางสืบสวนเชื่อว่าน่าจะนำเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายมาเล่นแร่แปรธาตุ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของบริษัทซิน รุ่ย เทคโนโลยี อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมกับออกหมายเรียกนายสมปอง ซู มาชี้แจงการได้มาซึ่งทรัพย์สิน หากไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ก็จะเข้าข่ายในส่วนของความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินหรือร่วมกันสนับสนุนฟอกเงิน และนำทรัพย์สินที่ไม่สามารถชี้แจงได้หรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดดำเนินการขายทอดตลาด เพื่อมุ่งหวังคืนให้กลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งจะทำการขยายผลหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปในส่วนใด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News