ช่วงสายที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวน สน.บางเขน บุกไปควบคุมตัวนายเสนีย์ อายุ 54 ปี ภายในบ้านพักซึ่งอยู่ติดริมคลอง ในชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา ซอยพหลโยธิน 69/7 ซึ่งระหว่างเข้าควบคุมตัวนายเสนีย์มีอาการคลุ้มคลั่งจากอาการทางจิต ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุม จนชาวบ้านต้องช่วยกันเข้ามาล็อกตัว



การเข้าจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พยาบาลสาวรายหนึ่งได้โพสต์คลิปลง tiktok ว่าถูกผู้ชายเดินตามที่สถานีรถไฟฟ้าสายหยุด ขณะกำลังเดินไปทำงาน จนรู้สึกไม่ปลอดภัย ถูกคุกคาม ซึ่งเธอได้ไปแจ้งความที่ สน.บางเขน ตำรวจจึงตามสืบสวน และเข้ามาควบคุมตัวที่บ้านพัก และขณะนี้อยู่ระหว่างส่งตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจรักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาลศรีธัญญา



ทีมข่าวได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ ผู้เสียหาย เป็นพยาบาลสาววัย 26 ปี เล่าว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนแถวบ้านที่เคยเห็นหน้ากันแต่ตนไม่เคยคุย โดยก่อนหน้านี้ ผู้ก่อเหตุเริ่มเข้ามาตีสนิทกับพ่อแม่ตน บางวันมาดักรอที่หน้าบ้าน ทักว่ากลับแล้วหรอ แต่ตนไม่ได้เอะใจ เพราะดูเป็นคนปกติทั่วไป



จนวันเกิดเหตุ ตนเดินออกไปขึ้นรถไฟฟ้าจะไปทำงาน ผู้ก่อเหตุก็เดินตามมา แล้วมาเดินขนาบข้าง ถามว่า ให้ไปส่งไหม เลิกงานกี่โมงให้ไปรับไหม ตนตกใจเลยเดินหนีไปขึ้นแท็กซี่ ผู้ก่อเหตุก็เดินตามมาอีก พอจังหวะรถติด ก็มาเคาะกระจกรถ โบกมือให้ ตนเลยโทรศัพท์ไปบอกพ่อ พ่อเลยไปถามผู้ก่อเหตุว่าไปตามลูกสาวทำไม เขาก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้ทำ



โดยตนเพิ่งมารู้ทีหลังว่าผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิต และขาดการรักษา ก่อนหน้านี้มักมีพฤติกรรมชอบเดินตามผู้หญิงแถวบ้าน ส่งจดหมายรักให้ ใครคุยดีด้วยก็จะคิดไปเองว่าผู้หญิงชอบ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ตนรู้สึกกลัว และหวาดระแวง และคิดว่าถ้าเกิดเขาคลุ้มคลั่งขึ้นมา อาจจะไม่ใช่แค่เดินตาม ตนเลยไปแจ้งความและลงคลิปเตือนภัยในโซเชียล ซึ่งตอนนี้ตำรวจจับตัวไปแล้ว ก็อยากให้รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลไปเลย ไม่ต้องให้กลับมาอยู่ในชุมชน



ด้าน นายกฤษกร แย้มหอม กรรมการชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ที่ชุมชนแห่งนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งมีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่แรกๆ ยังไม่หนักเท่าตอนนี้ ก่อนหน้านี้ เคยย้ายออกไปอยู่บ้านญาติที่อื่น แต่ไม่นานญาติก็เอากลับมาส่ง ให้อยู่คนเดียว เพราะอยู่ร่วมกับญาติไม่ได้ แต่ญาติก็ไม่ได้เอาไปรักษา โดยจะเอาเงินมาแอบฝากไว้ให้เป็นระยะ และถ้าผู้ก่อเหตุเห็นหน้าแม่ตัวเอง ก็จะมีอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที



โดยตนเองได้ติดตามพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุมานานแล้ว มักจะชอบเดินตามผู้หญิงสาวๆ ที่หน้าตาดี บางครั้งก็ไปดึงไม้ดึงมือ จนคนในชุมชนเริ่มที่จะขับไล่ ผู้ก่อเหตุก็จะคลุ้มคลั่ง ไปอาละวาดขว้างปาเข้าของใส่บ้านคนอื่น บางครั้งก็ขู่จะเผาบ้าน ซึ่งเมื่อก่อนจะก่อเหตุกับแค่คนในชุมชน แต่พอเริ่มโดนขับไล่ต่อว่า ก็เลยเริ่มออกไปก่อเหตุในที่สาธารณะด้วย ก่อนหน้านี้เคยแจ้งตำรวจ สน.ดอนเมือง มาควบคุมตัวไป แต่ไม่นานก็ปล่อยกลับมา ทั้งนี้ ตนก็อยากฝากถึงญาติให้ดูใกล้ชิด ไม่ปล่อยมาเป็นปัญหาสังคม



ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ระบุว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุ พูดจาตอบโต้รู้เรื่อง แต่พูดวกไปวนมา โดยปฏิเสธว่าไม่ได้เดินตาม และไม่ได้จะลวนลาม ตอนนี้ตำรวจได้ทำหนังสือและส่งตัวผู้ก่อเหตุไปที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เพื่อตรวจและทำการรักษาต่อไป ส่วนการดำเนินคดี เนื่องจากเป็นลักษณะของลหุโทษ ก่อความเดือดร้อนรำคาญ จึงต้องรอพูดคุยกับผู้เสียหายอีกครั้ง