สังคม
'ชูวิทย์' กัดไม่ปล่อย สอย 'สารวัตรซัว' ต่อ เปิดชื่อตัวละครใหม่ 'ลุค-รูบี้' มีลูกข่ายอีกนับพันคน
13 ก.พ. 2566
385 views
วานนี้ (12 ก.พ. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ว่า
ตำรวจสีเทา มั่วซั่ว โดดเด่น
หลังกระชากหน้ากากคนอย่าง “สารวัตรซัว” ให้คนเห็น มีอาชีพเป็นตำรวจ แต่มีธุรกิจต่างประเทศลงทุนที่เขมร ทั้งคาสิโน บ่อนออนไลน์ และตั้งศูนย์เซิร์ฟเวอร์
ในประเทศมีธุรกิจเป็นสิบบริษัท ตลาดสดร่วมทุนกับลูกคนดังสีเทาย่านฝั่งธน ส่วนออฟฟิศใหญ่โตอยู่แถวรามอินทรา ความร่ำรวยขยายงานไม่หยุดยั้งของสารวัตรซัว ล้วนเอาเวลาราชการตำรวจมาทำ
หากอ้างว่าทำนอกเวลา ต้องไม่มีเวลาเหลือให้นอน เพราะเกินมนุษย์ปกติที่หากินสุจริตจะทำได้ แถมยังมีเวลาบินไปปอยเปต ไปสิงคโปร์ ไปลอนดอนเป็นว่าเล่น นี่ก็เวลาราชการทั้งนั้น นายซัวคงเติบใหญ่ทั้งธุรกิจเทาๆ และอาชีพตำรวจไปพร้อมกัน จนวันหนึ่งได้เป็นนายพลตำรวจที่ไม่ได้ทำงาน ไม่เคยเหยียบไปที่สำนักงานเสียด้วยซ้ำ
แล้วคนที่เป็นตำรวจอาชีพจริงๆ คนไหนจะไปสู้ได้?
นอกจากการเอาเปรียบใช้ยศตำรวจบังหน้า ได้เงินเดือนจากภาษีประชาชนแล้ว ยังเอาเวลาราชการเบียดบังไปขยายธุรกิจสีเทา ถึงขนาดไปซื้อ “อาบอบนวด” ของนายกำพล วิคตอเรีย ผู้ต้องหาหนีคดีค้ามนุษย์ ที่ชื่อ “โคปา คาบานา” ย่านรัชดา แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “ลาลิซ่า” โดยใช้ลูกน้องเด็กบ้านนอก ลูกชาวนาสุพรรณไปถือหุ้นแทน
หากไล่สอบย่อมรู้ว่าเป็น “นอมินี” แม้จะรีบเปลี่ยนชื่อหลังเรื่องดัง นายซัวใช้นอมินีบังชื่อตัวเองหมดในธุรกิจเทาๆ และพยายามให้ทุกคน “WFH” (work from home) ในช่วงนี้ เพื่อเลี่ยงการถูกบุกตรวจค้น
คำถามตกผลึกมาว่า “สังคมไทยต่อสู้ระวังกับคนร้ายทั่วไปไม่พอ ยังต้องมาคอยระแวงกับคนที่ใช้เครื่องแบบหากินอีกหรือ?” แม้ไม่ได้ใช้อาวุธปล้น แต่ใช้สมองปล้นเงินในกระเป๋าเยาวชนไทยแทนด้วยการพนันออนไลน์
ตำรวจ 200,000 กว่านาย ที่เป็นตำรวจอาชีพจะรู้สึกอย่างไร กับการทำงานที่หลังขดหลังแข็ง ต้องเสี่ยงกับโจรขโมยปกป้องทรัพย์สินของประชาชน ยิ่ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เสี่ยงกับระเบิดของโจรใต้เข้าไปอีก
นี่เป็นระบบ “ความไม่เท่าเทียม เหลื่อมล้ำ” ในสังคมข้าราชการทุกวันนี้ ตำรวจบางคนทนไม่ไหว ฝืนใจไม่อยู่ ตัดสินใจก้าวล้ำข้ามเส้นแบ่งไปอยู่ฝั่งสีเทาเสียดีกว่า หรือไม่ก็ยิงตัวตายหนีปัญหาหนี้สิน
แต่หากเทามานานแบบนายตำรวจชั้นนายพล อย่าง “นายพล จ” ที่ทำท่าตรวจโรงพัก สร้างภาพเข้มงวด ตรวจความสะอาด แต่เรื่องสกปรกแล้วได้เงินกลับเงียบ
จัดระเบียบใหม่พนันออนไลน์ จ่ายเงินใต้โต๊ะ หลังจับทางถูกตั้งนโยบายแบ่งประเภทจ่าย รายเล็ก 50,000 รายกลาง 100,000 รายใหญ่ 200,000 ต่อเดือน จนพนันออนไลน์เฟื่องฟู ตัวเลขจับกุมน้อย ยึดอายัดได้จิ๊บจ้อย
ส่วนรายครั้งสร้างเรื่องเองว่า “ช่วงนี้ทางผู้ใหญ่เขาเข้มงวด” ให้ลูกน้องร่างคำสั่งแต่ไม่มีลายเซ็นไว้ขู่ว่าต้องตรวจเว็บ หากอย่างนี้หมายถึงเคลียร์หนักแน่นอน เหมือนน้ำประปาไหลแรง เอาถังใบใหญ่ๆ วางรอไว้ได้เลย
ที่ฮือฮาสุดทั้งวงการ เพราะนอกจากนายพล “จ” กินบนอากาศ (พนันออนไลน์) แล้ว ยังตามไปกินในทะเล (น้ำมันเถื่อน) อีกดอก ได้เบิ้ลสองภาค ไม่มีเล็ดลอด
ก็เขี้ยวขนาดไปตรวจห้องน้ำในโรงพักโชว์ ในติ๊กต็อกหาดูได้ ตำรวจเขาขำกลิ้ง เก่งเหลือหลายหาจุดขายไปอวดจนได้ แต่ทีเรื่องงานเป็นเรื่องเป็นราวไม่ทำ เดินสายตีกินเอาเงินเข้ากระเป๋าอย่างเดียว
ส่วนตำรวจรุ่นใหม่ เด็กๆ เลือกทำอาชีพ “พนันออนไลน์” ได้ขับรถซุปเปอร์คาร์ มีเงิน มียศ อย่าง “มาเก๊า 888” เป็นตำรวจ ตม. แค่คนเดียว แต่ถึงขนาดผู้บัญชาการ ตม. ยังออกโรงมาปกป้อง ให้สัมภาษณ์ยียวนว่า “ทำงานโดดเด่น” สวนถามนักข่าวสาวว่า “มีสามีหรือยัง?” จะได้เข้าใจ
หากได้สามีรวย มียศจะสบาย ส่วนจะไปเกี่ยวพันกับเรื่องเทาๆ อย่าไปสน แม้จะมาขอโทษขอโพยทีหลัง แต่ย่อมเห็น “วิสัยทัศน์” ครั้งแรกแล้ว รู้ซึ้งถึงเซลล์สมอง
แต่ทีกับลูกน้องที่ไม่โดดเด่นเป็นโขยงกว่า 100 คน ที่โดน “บิ๊กโจ๊ก” ฟันเรื่องวีซ่าของจีนเทา ไม่เคยสัมภาษณ์ปกป้องช่วยว่าที่ทำไปเพราะผู้ใหญ่สั่ง เงินก็ได้ตามน้ำเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่โดดเด่นของ ตม. มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เป็นเรื่องน่าเศร้าของตำรวจ ที่ผู้ใหญ่มักนิยมชมชอบ ชื่นชม “ตำรวจรวยสีเทา” ไม่ทำงานให้ประชาชน ขโมยเวลาราชการ กลับไปทำร้ายสังคม สร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง ปลูกฝังค่านิยมผิดๆ เพราะสามารถดูแลผู้ใหญ่ได้
แต่กับอีกคนทำงานแทบตาย ใช้เหมือนหมูเหมือนหมา กลับถูกทิ้งกลางทาง หากไม่อย่างนั้น คนอย่างสารวัตรซัวคงไม่ได้เติบโตมีเงินเป็นหมื่นล้านได้หรอกครับ
ไม่ต้องรอให้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผมมากระทุ้ง จนความโดดเด่นเหม็นเน่าคลุ้งขึ้นมา
-------------
มูลนิธิเป็นต่อ (ของเก๊) อีกแล้ว
นับวันชักแปลกเข้าไปทุกที อะไรที่ผมขุดขึ้นมาพูดมักมีอันเป็นไป ไม่ว่าสารพัดหน่วยงานรัฐ ไปยันตัวบุคคล หากผมไม่เอาขึ้นมาพูด ก็อยู่ดีมีสุข ต้องขออนุญาตไว้ตรงนี้ว่า “อย่าได้โทษผม”
อันที่จริงบ้านเมืองมีกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่รัฐรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่ดันเป็นความผิดของผมที่เอาความจริงมาพูดให้สังคมได้ยินได้เห็น แล้วมีการตรวจสอบจับกุมกันวุ่นวาย ขนาดพูดแล้วยังทำเป็นปากแข็ง แต่ไม่นานก็หลุดลอกเห็นเนื้อแท้ว่า “ของเก๊”
อย่างสารวัตรซัว ทำเงินได้เป็นพันเป็นหมื่นล้านไม่เสียภาษีพนันสักบาท แถมเป็นตำรวจแท้ๆ ไม่รู้เอาเวลาที่ไหนไปทำการค้าพนันออนไลน์ใหญ่โต แตกกิ่งก้านสาขาจนถึงขนาดเป็นเครือข่าย “เป็นต่อ กรุ๊ป” ตั้งบริษัทเป็นสิบ ทำสารพัดอย่างไปยันอาบอบนวดร่ำรวยมหาศาล เอาทั้งเงิน เอาทั้งยศ เอาทั้งหน้า เอาทั้งบุญ มีถึง “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” แต่พอกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบดันพบอีกว่า “ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ”
หากผมไม่เอามาพูด ก็คงใช้มูลนิธิฟอกขาว สร้างตัวตน ทำทีเป็นคนดีบริจาคให้เด็กยากจนตามต่างจังหวัด แต่เป็นได้แค่ประเภท “มือถือสาก ปากถือศีล” เหมือนกันหมด พนมมือ เล่นไพ่ ปล้นเงินเด็กเป็นล้าน แต่บริจาคหลักร้อย
แท้ที่จริงไม่ใช่มารวมตัวทำบุญอะไรหรอกครับ หากจะทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะไม่ต้องอ้างชื่อเป็นมูลนิธิก็ได้ แต่เหตุเพราะจะเอาไว้ใช้ “ฟอกเงิน” วิธีการคือเอาเงินผิดกฎหมายเข้าไปฟอก และบริจาคออกเท่านั้นเอง ขาเข้าเทา แต่ขาออกขาว เคยบอกแล้วว่า พวกพนันออนไลน์มีปัญหาคือ มีเงินมากไป เป็นเงินที่ไม่เคยเสียภาษีสักบาท
สารวัตรซัว “อยู่เป็น“ ถึงใช้ชื่อ “เป็นต่อ” รู้จักใช้ชีวิต อยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย ฝากเงินที่สิงคโปร์ เที่ยวอย่างหรูหรา โรงแรมที่ญี่ปุ่นชื่อ “Skye ที่เมือง Niseko” ค่าที่พักเพนท์เฮาส์ คืนละ 150,000 บาท นอนไป 1 อาทิตย์ ราคาร่วม 1 ล้านบาท สำหรับสารวัตรซัวจิ๊บๆ
อย่างนี้คนทำมาหากินสุจริต หรือเงินเดือนตำรวจที่ไหนจะจ่ายได้?
แต่สารวัตรซัวบินสูง ทำตัวเป็นตำรวจเงียบๆ เฉพาะตอนอยู่เมืองไทย แต่อู้ฟู่ตอนบินรอบโลกพักหรูหราอยู่อย่างมหาเศรษฐี คนอาจจะรู้ แต่ไม่มีใครพูด ปล่อยให้คนอย่างสารวัตรซัวเอาเปรียบสังคม ทำการพนัน เกมออนไลน์หลอกเอาเงิน แค่ลูกกระจ๊อกยังมีรายได้ 400,000-500,000 บาทต่อเดือน
ตัวเองเป็น “มาสเตอร์แฟรนไชส์” ของเกมสล๊อต และสารพัดเกมที่หลอกคนไทยเล่น ดูเหมือนจำนวนเงินน้อย แต่ไม่ต่างจากของโบราณ คือ ตู้ม้า ดูดเงินทีละ 2,000-3,000 บาท แต่คนเล่นเป็นแสนเป็นล้านคน เดือนๆ หนึ่งได้เท่าไหร่? แถมใครซื้อแฟรนไชส์ต้องพ่วงแพ็คเก็จติดโฆษณาเกมไปด้วย ใหญ่โตที่สุดในประเทศ นั่งรับเงินอยู่เมืองนอก ไม่ต้องทำอะไร เพราะมีลูกข่ายทำงานแทนเหมือนแชร์ลูกโซ่ เรียกว่า “เกมออนไลน์ลูกโซ่”
มีเว็บต่างๆ เป็นพันเว็บที่ลงท้ายด้วย “Bet” และอื่นๆ ล้วนของท่านสารวัตรซัวทั้งหมด ทำร่วมกับ ลุค หุ้นส่วนคู่ซี้ เด็กเส้นติดตามสารวัตรซัวอีกคนชื่อ “รูบี้” กอส. รุ่น 42 (ศิษย์เก่ารุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน) ที่แม้แต่ตำรวจกองปราบยังถอย เพราะไปเจอตอ และยังมีลูกข่ายอีกเป็นพันๆ คน ยังไม่นับรวม กอล์ฟ เต็น ตั้ว “แก๊งตำรวจ กอส. รุ่นพนันออนไลน์” อีก
ตอนนี้ผมแฉแล้ว กรุณาหาช่องทางจับสักทีเถอะครับ เพราะยังไงสารวัตรซัวก็คงไม่เดือดร้อน มีบ้านมีเงินฝากอยู่ลอนดอนหลายร้อยล้านปอนด์ กินหลายชาติก็ไม่หมด แต่ล้วนเอามาจากคนไทยตอนใส่เครื่องแบบตำรวจทั้งนั้น
ปล่อยให้คนอย่างสารวัตรซัวเกิดจนยิ่งใหญ่มีเงินมากมายจากการหลอกลวงคนไทย ไม่ได้เสียภาษีอะไรให้ประเทศสักบาทเดียว แถมสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังจ่ายเงินเดือนจากภาษีประชาชนกลับไปให้สารวัตรซัวมานานเป็นสิบปี โดยไม่ได้ทำอะไรเลย
มันน่าเจ็บใจแท้ๆ
-------------
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/fLXa3i8alHE