'เฮียหมู' เปิดใจจำจนตาย ลูกชาย-สะใภ้ กักขังกรอกยาฮุบสมบัติ ฝากไปรษณีย์ส่ง จม.ขอความช่วยเหลือ จนรอด

สังคม

'เฮียหมู' เปิดใจจำจนตาย ลูกชาย-สะใภ้ กักขังกรอกยาฮุบสมบัติ ฝากไปรษณีย์ส่ง จม.ขอความช่วยเหลือ จนรอด

13 ก.พ. 2566

283 views

น้องชายเชื่อหลานชายวางยาพ่อ-แม่จริง หลังช่วยส่ง รพ.เหมือนคนละคน ขณะที่พบพิรุธหลานเพราะยังไม่ทันพบหมอ รีบตามตัวกลับอ้างสิทธิลูก ก่อนพาไปกักขัง ชี้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ก่อนยันหลานจัดฉากโพสต์ลงโซเชียลพ่อแม่อยู่ดีกินดี ทั้งที่สุดทรมาน หวังตบตาญาติ ด้านผู้การฉะเชิงเทรา สั่งรวบรวมพยานหลักฐานสืบข้อเท็จจริง


กรณีเศรษฐีวัย 67 ปี ร้องสื่อถูกลูกชายแท้ๆ และลูกสะใภ้ ร่วมกันกักขัง กรอกยาสลบหมูนาน 2 ปี จัดฉากให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ก่อนยื่นขอศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนแม่ โอนถ่ายทรัพย์สินกว่า 65 ล้านบาท สุดช้ำ ภรรยาผูกคอดับคาห้อง หลังถูกจับแยกห้อง ติดใจอาจโดนฆาตกรรมอำพราง


วานนี้ (12 ก.พ. 66) เฮียหมู (นามสมมุติ) เล่าว่า ประมาณปลายปี 2563 เฮียหมูและภรรยา ขายของทำธุรกิจอยู่ที่บ้าน ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พอลูกเฮียหมูแต่งงานมีเมีย ก็ช่วยกันขายของ


ปรากฎว่า เฮียหมูและภรรยามีปัญหาลูกสะใภ้ เพราะไปจับได้ว่าลูกสะใภ้ขโมยเงิน ก็มีการต่อว่าไป วันถัดมา เฮียหมูกับภรรยาก็มีอาการลิ้นแข็ง ร่างกายอ่อนแรงประมาณ 1 สัปดาห์ หลานสาวที่เห็นความผิดปกติ เพราะถูกลูกชายเฮียหมูกีดกัน ก็พยายามเข้าไปช่วย และพาเฮียหมูกับภรรยาไปโรงพยาบาล


พอลูกชายรู้ก็ตามไปเอาตัวพ่อกลับมา จากนั้นพาไปอยู่บ้านของลูกสะใภ้ ที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา อ้างว่า ให้พ่อไปพักผ่อน พ่อสบายดี


เฮียหมูและภรรยาก็อยู่บ้านของลูกสะใภ้มาตั้งแต่ปลายปี 2563 จนปี 2564 ช่วงต้นปี ญาติๆ ยังติดต่อได้ แต่พอกลางปีเริ่มติดต่อไม่ได้อีกเลย ในระหว่างนั้น เฮียหมูเล่าว่าเขาโดนจับขัง ให้ทานข้าวบ้าง ไม่ให้ทานข้าวบ้าง และถูกวางยาในข้าว


ใครไปถามหาที่บ้านลูกสะใภ้ พ่อตาแม่ยายอ้างว่า เฮียหมูกับภรรยาเป็นคนวิกลจริต ระวังจะคลุ้มคลั่ง ก็ไม่มีใครกล้าเขาไปอีก จนชาวบ้านเข้าใจว่า เฮียหมูตายไปแล้ว


อยู่ที่นี่ไปปีกว่าๆ จนถึงประมาณกลางปี 2565 ปรากฎว่า ลูกชายมีปัญหากับพ่อตาแม่ยายเรื่องการแบ่งทรัพย์สินสมบัติ เลยตัดสินใจพาพ่อก็คือเฮียหมู ย้ายออกมาอยู่ที่ หมู่บ้านเพฟ หมู่ 1 บ้านโพธิ์ เมื่อประมาณกลางปี 2565


อยู่หมู่บ้านเพฟ ได้ 2 เดือน เฮียหมูก็เริ่มอาการดีขึ้น จึงเขียนจดหมายไปขอความช่วยเหลือจากหลานสาว จนหลานเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2565 และมาอยู่บ้านพี่ชายที่ตลาดคลองสวน 100 ปี จนถึงปัจจุบัน

------------

จุดเปลี่ยนที่ทำให้เฮียหมูตัดสินใจเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดีลูกชายตนเอง และครอบครัวของลูกสะใภ้ เพราะว่า เดิมเฮียหมูไม่อยากเอาเรื่องลูกชาย เพราะเป็นลูกคนเดียว ก็พยายามให้ทนายติดต่อไปคุย จะขอแบ่งเงินที่เอาไปเป็นร้อยๆ ล้าน มาให้พ่อสัก 5-10 ล้าน เพราะทุกวันนี้เฮียหมูก็ไม่มีเงินเลย ไม่อยากเป็นภาระพี่ชาย แต่ปรากฎว่า ตกลงคุยกันหลายรอบสุดท้าย ลูกชายไม่ให้


ช่วงประมาณเดือน ม.ค.ที่ลูกชายตอบกลับมา เลยทำให้คิดว่าจะทำยังไงดี จนเป็นที่มาของการปรึกษาทนาย ปรึกษาชาวบ้านที่ไว้ใจ และร้องเรียนสื่อ ยืนยันว่าจะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


“เรียกทนายมาเคลียร์ บอกให้แบ่งเงินให้ใช้บ้าง มันไม่ให้เงิน ให้แสนเดียว แล้วตนเองก็มองว่า เอาไปเป็นร้อยล้านให้มาแสนเดียว และติดต่อลูกชายไม่ได้เลย แรกๆ พอผมหนีมาก็ยังเอากับข้าวมาให้ แต่ไม่กล้ากินเพราะเคยวางยาตนเอง”


เฮียหมูยังบอกว่า ที่ตนเองออกมาเรียกร้องวันนี้ ก็เพราะอยากจะหาความเป็นธรรมให้กับภรรยา เชื่อว่าภรรยาถูกฆาตกรรม เนื่องจากในห้องที่ภรรยาอยู่ไม่มีอุปกรณ์ หรือเชือกอะไรที่จะฆ่าตัวตายได้


ยืนยันว่า จะดำเนินคดีถึงที่สุดหลังจากตัดสินใจมาหลายเดือนแล้ว และจะดำเนินคดีลูกชายตนเองด้วย  ที่ผ่านมาแม้ลูกชายจะไม่ได้ลงมือทำร้ายตนเอง แต่ลูกชายเป็นคนเซ่อ โง่ หลงเข้าหมด โดนชักจูงแน่นอน หัวอ่อน ขี้กลัว กลัวเมีย มีเท่าไรให้เมียหมด


“ยืนยันสิ่งที่ตนเองพูดเป็นความจริง เพราะตนเองไปตรวจมาหมดแล้ว ยืนยันผมเป็นคนปกติ ผมจำจนตาย ผมไม่ได้บ้า เมียผมก็ไม่ได้บ้า แต่ดิ้นรนสู้ทำยังไงเพื่อให้รอดได้ ผมไม่กลัวตายแล้ว ชีวิตผมโดนขังมาเกือบ 2 ปี ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะหาความเป็นธรรมให้เมียตนเอง ถ้าไม่ได้ฆ่า ทำไมไม่บอก”

------------

หลานสาวของเฮียหมู เล่าว่า ตนเองเป็นคนที่สนิทกับเฮียหมู ซึ่งเฮียหมูถือว่าเป็นอา สนิทกันเพราะเป็นหลานที่ชอบไปหาที่บ้าน ไปดูแลอา ไปเล่นกับหลาน ก็คือลูกของลูกชายเฮียหมู ไปมาหาสู่เรื่อยๆ


จนวันหนึ่งรู้สึกว่า เฮียหมู หรือ อาหมูและภรรยา ป่วยก็พยายามบอกให้ลูกชายอา ก็คือลูกพี่ลูกน้องตนเอง พาไปหาหมอ เขาก็ไม่ยอมพาไป และก็มาต่อว่าด่าตนเองว่า อย่ามายุ่งครอบครัวเขา เขาดูแลเองได้ และก็พยายามไม่ให้เจอไม่ให้เข้าบ้าน


จนประมาณ 1 สัปดาห์ เขาเลยตัดสินใจพาอาหมูกับภรรยาไปหาหมอที่โรงพยาบาลรามคำแหง แต่ยังไม่ทันได้หาหมอ ลูกชายเขารู้ ก็มารับตัวกลับไปใช้สิทธิความเป็นลูกชาย ก็เลยทำให้ญาติ ๆ ทำอะไรไม่ได้


ส่วนจดหมายที่ไปรษณีย์เอามาให้ตนเอง เป็นการเขียนระบาย ใครทำอะไรเขาบ้าง และระบุว่าให้ตนเองเข้าไปช่วยเหลือ และเล่าว่าโดนทรมานยังไง ระบุชื่อคนที่กระทำมาทั้งหมด


เนื้อหาในจดหมายรายละเอียดบางช่วงบางตอน เฮียหมูเขียนว่า ผมอยู่บ้านเลขที่....ม.เพฟ บ้านโพธิ์ ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ถ้าเข้ามาหาต้องบอกยามว่าจะมาบ้านเลขที่......ซอย 4 เข้ามาเลี้ยวซ้ายซอย 4  


ก้อย (หลานสาว) จะมาหาผมต้องแอบมาหลัง 9 โมงเช้า เพราะ ตั้ม-เมีย (ลูกชาย/ลูกสะใภ้) จะไปขายของ จะกลับมา 5 โมงเย็นๆ ตั้มรู้ไม่ได้ ผมจะถูกทรมานอีก ผมขอให้ก้อยช่วยให้ผมกับเมียได้อยู่ด้วยกันด้วย”

-------------

นายบัง บุรุษไปรษณีย์ที่ช่วยเหลือเฮียหมู เปิดเผยว่า ตนเองรู้จักมักคุ้นกับเฮียหมูและภรรยาเป็นอย่างดี เนื่องจากบ้านพักอยู่ใกล้เคียงกัน และเคยไปซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าประปาที่ร้านเฮียหมูบ่อยครั้ง และรู้จักบุตรชายและสะใภ้ของเฮียหมูด้วย


แต่มาช่วงหลัง ไม่ได้พบเฮียหมูกับภรรยา เจอแต่บุตรชายและสะใภ้ หลังจากนั้นช่วงปี 2563 มีข่าวว่าทั้งเฮียหมูและภรรยาได้เสียชีวิตไปแล้ว


ต่อมาช่วงปลายปี 2565 ตนเองได้ไปส่งจดหมายที่บริเวณหมู่บ้าน หมู่บ้านหนึ่งใน อ.บ้านโพธิ์ ซึ่งห่างจากบ้านเดิมของเฮียหมูประมาณ 10 กิโลเมตร ระหว่างที่ส่งจดหมาย ก็ได้ยินเสียงคนเรียก จึงหันกลับมาดูก็พบเป็นเฮียหมู ตอนนั้นตนเองก็ตกใจ เนื่องจากเมื่อ 2 ปีก่อน มีข่าวว่าเฮียหมูและภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว ตนจึงเข้าไปถามให้แน่ใจ ซึ่งพอไปถามแล้วก็เชื่อว่าเป็นเฮียหมู


วันนั้นเฮียหมูบอกตนว่า ให้ช่วยออกไปจากบ้านนี้หน่อย แต่ตนเองก็ไม่กล้าพาออกไป เฮียหมูจึงได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งฝากไปให้หลาน ซึ่งตนเองก็รู้จักดี จึงนำจดหมายฉบับนั้นไปมอบให้


และมีการนัดหมายกันที่จะนำตัวเฮียหมูออกมา แต่ปรึกษาหลายๆ คน แล้ว ก็ไม่กล้าดำเนินการ เนื่องจากจะโดนข้อหาลักพาตัว หลังจากนั้น ตนได้มาพบกับเฮียหมูอีกครั้งหนึ่ง เฮียหมูก็ยืนยันอยากจะให้ตนเองกับหลาน พาหนีออกจากบ้านของลูกชาย และตนเองก็ได้โทรศัพท์หาหลานสาวของเฮียหมูใ ห้คุยกันทางโทรศัพท์ หลังจากนั้นก็ได้มีการนัดแนะกันพาตัวเฮียหมูออกมาได้สำเร็จ

-------------

ขณะที่ ‘เฮียอ๋า’ น้องชายของเฮียหมู ซึ่งอยู่บ้านติดกัน กล่าวว่า ตอนแรกไม่รู้เลยว่าพี่ชายพี่สะใภ้ถูกวางยา เพราะหลานชายมักโพสต์ภาพทั้งคู่ลงโซเชียลในสภาพอยู่ดีกินดี อาบน้ำแต่งตัวให้ ตัดเล็บป้อนข้าวให้พ่อ พาพ่อไปตัดผมตัดแว่น พาพ่อแม่ไปกินข้าวร้านอาหารอย่างดี ถ่ายรูปแม่ในบ้านเอาของขวัญเซอร์ไพร์วันเกิด พาพ่อแม่ไปทำบุญจึงไม่เอะใจเลย สร้างภาพว่าเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างดี ที่ไหนได้วางยาพ่อแม่


เอายาใส่สลิ้งฉีดใส่ปาก พี่สะใภ้ไม่ยอมก็เอาคีมง้างปาก มีลูกจ้างแรงงานต่างด้าว 2 คน ช่วยจับตัว ใช้ที่ช็อตไฟฟ้าจี้พ่อตัวเอง บังคับให้เซ็นและปั้มนิ้วมือโอนเงินและทรัพย์สินให้ สาเหตุการป่วยยืนยันว่าโดนวางยา ไม่ใช่โรคอัลไซเมอร์


“โมโหแค้นมาก ถ้าไม่มีกฎหมาย ผมฆ่าตายไปแล้ว มันทำได้ยังไง โดนกระทำนาน 2-3 ปี พี่ชายรอดมาได้ก็บุญแล้ว มันกะจะเอาให้ตาย กะจะฆาตกรรมเลย มันโหดร้าย ลูกทรพี มันร้ายมาก”

-------------

น้องสะใภ้ของเฮียหมู เล่าว่า ปกติหลานชาย (ลูกชายเฮียหมู) เป็นคนไม่ค่อยพูด เงียบๆ พูดจาเพราะมาก ส่วนลูกสะใภ้เฮียหมูพูดจานุ่มนวล ดูดีน่าเชื่อถือ ดูไม่มีพิษภัย


ต่อมาเปลี่ยนเป็นคนละคน ลูกสะใภ้เคยมาพูดกับตนเรื่องที่ดิน กล่าวหาว่าญาติๆ จะโกงที่ดินพ่อเขา (เฮียหมู) พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ดูสิเนี้ย บอกว่าจะโอนๆ แล้วไม่เห็นโอน จะงก จะโกงเป็นของตัวเอง” ลูกชายเฮียหมูก็เออออตามเมีย พูดว่า “จริงสิไม่เห็นโอนให้สักที”


ทั้งนี้ บ้านที่ตนอาศัยอยู่ติดกับบ้านของหลานชาย เป็นตึกแถวสูง 4 ชั้น เดินข้ามทะลุถึงกันได้ทุกชั้น หลังเกิดเรื่องหลานชายและภรรยาเขา นำสังกะสีมาปิดกั้นทุกชั้น ติดวงจรปิดทุกชั้นๆ 2-3 กล้อง หันกล้องมาถึงหน้าห้องของตน และติดรอบบ้าน จนไม่กล้าเดินผ่าน

-------------

นายธนกฤต ถนอมทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา คนนี่ก็เล่าเรื่องราวได้ละเอียดเช่นกัน ในฐานะที่ให้คำปรึกษาช่วยเหลือ


ยืนยันว่า เรื่องที่เฮียหมูพูดเป็นเรื่องจริงแน่นอน 100% โดยเฉพาะที่ชาวบ้านรับรู้ช่วงที่เฮียหมูโดนวางยา ก่อนจะย้ายไปอยู่บ้านของลูกสะใภ้ และที่ยืนยันได้อีกเรื่องว่าเป็นเรื่องจริง 100% คือญาติๆ ชาวบ้าน มีการพยายามติดต่อขอพบเฮียหมูที่บ้านสะใภ้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ประกอบกับเรื่องราวที่เฮียหมูเล่ามา


หลังจากถูกช่วยเหลือมาอยู่บ้านพี่ชายแล้วเหมือนกันทุกครั้ง ไม่มีแกว่งไปเรื่องอื่น เหมือนเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ฝังอยู่ในหัว และมีสถานที่เกิดเหตุยืนยัน


ส่วนเรื่องที่ถูกกระทำระหว่างอยู่ที่บ้านของลูกสะใภ้ พวกตนเองยืนยันไม่ได้ เลยไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง 100% หรือไม่ จึงอยากให้ทางฝั่งลูกชายและลูกสะใภ้ออกมาชี้แจง

-------------

นายพงศพัศ นิลโต กำนัน ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เผยว่า ตอนที่เฮียหมูป่วย คนข้างนอกรู้ เพราะว่ามันมีช่างไปทำบ้านที่เฮียหมูกำลังก่อสร้าง และได้พูดคุยกับเฮียหมู ปรากฎว่าตอนนั้นเฮียหมูเขาลิ้นแข็งพูดไม่ได้ จากปกติพูดได้


ก็เลยเป็นที่มาทำให้ทราบว่าเฮียหมูป่วย พอเริ่มป่วย ญาติเฮียหมูเริ่มเข้าไปจะพาไปหาหมอ แต่ถูกลูกชายกีดกัน และหลังจากนั้นไม่นาน ลูกชายเฮียหมูก็พาเฮียหมูกับภรรยา ไปอยู่บ้านลูกสะใภ้ในเมือง ทำให้ชาวบ้านไม่รู้คราวข่าวอีก


ปกติลูกชายอยู่ในพื้นที่ก็เป็นคนดี ช่วยพ่อเขาทำงาน เป็นลูกชายคนเดียว พอแต่งงานมีเมีย ก็เปลี่ยนไป ชาวบ้านจึงเชื่อว่าคงมีการวางแผนกัน เพราะสมบัติทั้งหมดยังไงก็ตกอยู่กับลูกชาย


และในความคิดของชาวบ้าน มองว่ายังไงก็เป็นเรื่องจริง เพราะดูจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างแล้ว และเฮียหมูพยายามที่จะรื้อเรื่องนี้มาตลอด แต่ไปปรึกษาใครก็ไม่มีพยาน

-------------

ไทม์ไลน์

วันที่ 10 ก.ค. 2563

ลูกชายเฮียหมูยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ศาลสั่งให้เฮียหมูเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและให้ตั้งตนเองเป็นผู้พิทักษ์


วันที่ 14 ก.ย. 2563

ศาลมีคำสั่งให้เฮียเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และให้ลูกเฮียหมูเป็นผู้พิทักษ์


วันที่ 25 พ.ค. 2565

เฮียหมูหนีออกมาจากบ้านของลูกชายที่หมู่บ้านเพฟ


วันที่ 6 มิ.ย. 2565

เฮียหมูยื่นคำร้องต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและเพิกถอนคำสั่งให้ลูกชายเป็นผู้พิทักษ์


วันที่ 1 ส.ค. 2565

ศาลมีคำสั่งเพิกถอนเฮียหมูจากการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และเพิกถอนลูกเฮียจากการเป็นผู้พิทักษ์


วันที่ 16 ส.ค 2565

เฮียหมูไปธนาคารพบว่าเงินของตัวเองถูกโอนไปยังบัญชีของลูกชายเกือบหมด (หลังจากที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนเฮียหมูจากการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถแล้ว)

-------------

ทีมข่าวพยายามโทรไปหาพ่อตาแม่ยายของลูกชายเฮียหมู เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามที่เฮียหมูกล่าวอ้างหรือไม่ และให้ชี้แจง


โดยพ่อตารับโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรครับ” แล้วก็วางสายไป ทีมข่าวจึงโทรกลับไปอีกครั้ง ปรากฎว่าตัดสายทิ้ง ไม่รับโทรศัพท์อีกเลย ขณะที่ลูกชายกับลูกสะใภ้เฮียหมู ไม่สามารถติดต่อได้

-------------

ด้าน พล.ต.ต. นเรวิช สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า


เร่งให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน และเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง คดีนี้จะทำการตรวจสอบในหลายมิติ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปบางส่วนแล้ว

------------



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/TNogq4TmpF0

คุณอาจสนใจ

Related News