สังคม
แพทย์-ผู้เชี่ยวชาญนิติเวชฯ เผย ตรวจแอลกอฮอล์ต้องทำทันทีหลังเกิดเหตุ เพราะจะลด 15-20 มก.ทุกๆ ชม.
11 ม.ค. 2566
325 views
จากกรณีที่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องการตรวจผลวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ของผู้ขับขี่รถยนต์หรูเบนท์ลีย์ ที่ก่อเหตุพุ่งชนรถคู่กรณีบนทางด่วนเมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 7 ต่อเนื่องเช้าวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ว่ามีผลการตรวจอยู่ที่ 10 กว่ามิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และพนักงานสอบสวนไม่ได้มีการแจ้งข้อหาเมาแล้วขับกับผู้ขับขี่
ช่วงเช้าวันนี้ ทีมข่าวติดต่อสอบถามไปที่ ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชียวชาญนิติเวชศาสตร์ เพื่อถามถึงกระบวนการและหลักการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด โดยผศ.นพ.วีระศักดิ์ ระบุว่า จากประสบการณ์การทำงานที่เคยตรวจเคสแบบนี้ มามากกว่า 20 ปี ยืนยันว่าการตรวจวัดพิสูจน์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดต้องทำการตรวจหลังจากเกิดเหตุไม่นาน เพราะโดยเฉลี่ย ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของมนุษย์จะลดลง 15-20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ในทุกๆ 1 ชั่วโมง ซึ่งหากมีการตรวจล่าช้าก็จะยิ่งทำให้คนที่ได้คลาดเคลื่อน
แม้ว่าจะมีสูตรคำนวนในการคิดหาค่าปริมาณแอลกอฮอล์ย้อนหลังไปถึงช่วงจุดเกิดเหตุแต่ในทางกฎหมายจากประสบการณ์ส่วนตัวไม่พบว่าจะสามารถนำ ผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณย้อนหลังไปใช้ในสำนวนคดีเพราะตำรวจต้องใช้ผลที่ได้เป็นเอกสารซึ่งผลดังกล่าวคือผลปัจจุบันที่ได้จากการตรวจ ณ เวลานั้น
เคยมีงานวิจัยที่ทำการตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของมนุษย์ที่พบว่ามีการเจาะเลือดตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์หลังจากที่ดื่มกินและมึนเมาไปนาน 5 ชั่วโมงพบว่าสามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ที่ 40 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์แต่เมื่อใส่สูตรคำนวนย้อนกลับไปช่วงเวลา 5 ชั่วโมงก่อนหน้าพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์มีมากถึง 122.5 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นเพียงงานวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศแต่ในประเทศไทย ตนเองยังไม่เคยเห็นว่ามีการนำ ผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณย้อนหลังไปใช้ในสำนวนคดีแม้แต่คดีเดียว
แท็กที่เกี่ยวข้อง อาชญากรรม ,เมาแล้วขับ ,เสี่ยเบนท์ลีย์