นายกฯ หญิงฟินแลนด์ แจงไม่เคยยุ่งยาเสพติด หลังคลิปปาร์ตี้หลุดว่อนโซเชียล

ต่างประเทศ

นายกฯ หญิงฟินแลนด์ แจงไม่เคยยุ่งยาเสพติด หลังคลิปปาร์ตี้หลุดว่อนโซเชียล

20 ส.ค. 2565

222 views

นายกรัฐมนตรีหญิงฟินแลนด์ "ซันนา มารีน" (Sanna Marin) กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังมีคลิปวิดีโอ ที่เธอเต้นรำแบบสุดเหวี่ยงในงานปาร์ตี้ส่วนตัว หลุดออกมา ล่าสุดเข้ารับการตรวจสารเสพติดแล้ว หวังคลายความกังวล



เมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรี มารีน วัย 36 ปี ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า เธอเข้ารับการตรวจสารเสพติดแล้ว เพื่อปกป้องตนเองตามกฎหมาย หลังจากที่มีคลิปวิดีโอที่เธอเต้นรำแบบสุดเหวี่ยงและร้องเพลงลิปซิงค์ กับเพื่อน ๆ 5 คน ในงานเลี้ยงส่วนตัว หลุดออกมา อย่างไรก็ตาม มารีน บอกว่า ข้อกล่าวหาที่เธอโดนมันรุนแรงเกินไป และมันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ แต่เพื่อปกป้องตนเอง เธอจึงตัดสินใจเข้ารับการตรวจสารเสพติด ซึ่งผลจะออกมาอีก 1 สัปดาห์ เธอยังบอกด้วยว่า เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แม้แต่ตอนที่เป็นวัยรุ่นก็ไม่เคยใช้ยา และหวังว่าการตรวจสารเสพติดครั้งนี้ จะทำให้หลายคนคลายความกังวลได้


คลิปวิดีโอการเต้นรำแบบสุดเหวี่ยงของนายกรัฐมนตรีมารีน ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ผ่านมา หลายคนวิจารณ์ว่า ไม่เหมาะสมกับผู้นำประเทศ โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านที่ออกมาเรียกร้องให้มารีน ตรวจสารเสพติด อย่างไรก็ตาม มารีน ยืนยันว่า เธอไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และเธอไม่ได้ทำผิดอะไร รายงานไม่ได้ระบุว่า งานเลี้ยงดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อใด


สำหรับ มารีน เป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศนอร์ดิก หรือภูมิภาคยุโรปเหนือ ซึ่งจากคลิปหลุดการเต้นรำแบบสุดเหวี่ยงของมารีน ก็มีหลากหลายความคิดเห็นในเรื่องนี้ หลายคนไม่คิดว่า เป็นเรื่องเสียหาย เพราะเธอควรมีชีวิตที่เป็นส่วนตัว ตราบใดที่ยังทำงานตามหน้าที่ ขณะที่หลายคนบอกว่า ไม่เหมาะสม เพราะเธอคือผู้นำ ประชาชนต้องการให้ผู้นำมีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานสูง แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป


การเลือกตั้งทั่วไปฟินแลนด์ จะมีขึ้นทุก ๆ 4 ปี เลือกตั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2019 และก่อนหน้านี้ มารีน เคยบอกแล้วว่า เธอยังต้องมีชีวิตส่วนตัว แม้จะเป็นผู้นำประเทศ เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา เธอก็ไปร่วมงานเทศกาลดนตรีร็อกของฟินแลนด์


ขณะที่เดือนธันวาคม ที่ผ่านมา เธอได้ออกมาขอโทษประชาชน ที่เธอไปคลับแห่งหนึ่งและอยู่ที่นั่นจนถึงตี 4 โดยไม่ได้นำโทรศัพท์สำหรับการทำงานติดตัวไป ทำให้ไม่ได้รับสายที่จะโทรมาแจ้งว่า เธอเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างไรก็ตามจากการตรวจโควิดในครั้งนั้น เธอไม่ได้ติดเชื้อโควิด

คุณอาจสนใจ

Related News