ตั้ง 3 ข้อหา ‘นาวาตรี’ แอบถ่ายห้องน้ำ รพ.6 ปี - ทัพเรือสั่งฟันโทษหนัก ทำกองทัพเสียเกียรติ

สังคม

ตั้ง 3 ข้อหา ‘นาวาตรี’ แอบถ่ายห้องน้ำ รพ.6 ปี - ทัพเรือสั่งฟันโทษหนัก ทำกองทัพเสียเกียรติ

โดย thichaphat_d

4 ก.พ. 2565

683 views

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2565  พ.ต.ท.เอกชัย มูลลี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  เปิดเผยว่า เมื่อวันที่10 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มหญิงสาวผู้เสียหายนำหลักฐานรูปถ่าย และคลิปวิดีโอ เข้าแจ้งความหลังถูกนายทหารเรือยศ ‘นาวาตรี’ อายุ 54 ปี ตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำ  ประจำแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง


โดยเรื่องแดงขึ้นมา ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 65 ภายหลังหัวหน้าแผนก ได้มีการตรวจพบกล้อง 2 ตัว ติดตั้งอยู่บนฝ้าเพดานของห้องน้ำหญิง-ชาย ขณะทำการซ่อมทำระบบสายไฟ จึงไล่ตรวจสอบตามสาย ไปถึงต้นตอที่มาของกล้องพบว่า ต่อเข้าคอมพิวเตอร์ของนายทหารชั้นยศ ‘นาวาตรี’


จากนั้น จึงได้มีการควบคุมตัวในทันที เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐาน ก่อนตรวจสอบข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์ จนพบหลักฐานคลิปวิดีโอขณะหญิงสาวกำลังทำภารกิจส่วนตัว ภายในห้องน้ำราว 1,000 คลิป ซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2558 นานถึง 6 ปี


ภายหลังเกิดเหตุ ทางหน่วยได้ประสานไปยังผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ถูกบันทึกอยู่ในคลิปวิดีโอ รวม 23 ราย เป็นข้าราชการ พนักงานลูกจ้าง และนักเรียนฝึกงาน เพื่อมารับทราบถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมมอบคลิปวิดีโอ ซึ่งเป็นหลักฐานใช้ในการแจ้งความ ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฐาน “ถ่ายคลิปอนาจาร”


ขณะที่ผู้เสียหาย 23 ราย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.เอกชัย มูลลี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.พลูตาหลวงอ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในจำนวนนี้มีเด็กหญิงเป็นบุตรของข้าราชการอายุไม่เกิน 15 ปี เบื้องต้นตำรวจได้หลักฐานเป็นกล่องฮาร์ดดิสก์ความจุ 1,000 GB จำนวน 4 ตัว รวมถึงคลิปขณะผู้ก่อเหตุ เข้ามาปรับมุมกล้อง


พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ สมใจ ผกก.สภ.พลูตาหลวง เปิดเผยว่า คดีนี้หัวหน้าแผนกเทคโนโลยีและสาระสนเทศของทางโรงพยาบาล เป็นผู้สงสัยและผู้ตรวจพบเอง จากนั้นทางโรงพยาบาลได้ให้ผู้เสียหายพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดซึ่งเป็นฮาร์ดดิสก์ และภาพที่แอบถ่ายภายในห้องน้ำของโรงพยาบาล เข้ามาแจ้งความกับตำรวจ สภ.พลูตาหลวง ให้ดำเนินคดีกับ ‘นาวาตรี’ คนดังกล่าว


โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาล และเพิ่งทราบเรื่องเมื่อมีการตรวจพบเจอกล้องที่ซ่อนอยู่ภายในห้องน้ำ มีความวิตกกังวลใจ แลุะสภาพจิตใจย่ำแย่ กังวลว่าภาพดังกล่าวว่า จะถูกนำไปเผยแพร่ต่อหรือไม่


ขณะที่ทางตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบมีการตั้งกล้องแอบถ่ายไว้บริเวณฝ้าเพดานจำนวนหนึ่ง จุดภายในห้องน้ำหญิง แผนกเทคโนโลยีและสาระสนเทศ


เบื้องต้น ทางตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด 23 รายแล้ว และเตรียมที่จะเข้าไปสอบปากคำพยานแวดล้อมคนอื่นๆ ภายในโรงพยาบาล ส่วนฮาร์ดดิส ได้ส่งไปให้ทาง สพฐ.ตรวจสอบ อยู่ระหว่างดำเนินการ


ส่วน ‘นาวาตรี’ ที่ก่อเหตุ พบเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ ของทางโรงพยาบาล เบื้องต้นยังไม่ได้สอบปากคำ เนื่องจากขณะนี้ถูกลงโทษทางวินัยอยู่ โดยทางตำรวจ ได้ส่งหมายเรียก ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อเรียกตัวนาวาตรีเข้ามาสอบปากคำในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานงานกับทางผู้บังคับบัญชาซึ่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี


คาดว่าน่าจะสามารถสอบปากคำได้ก่อนกำหนดเวลา ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ กับทางผู้ก่อเหตุ แต่มีการเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาแล้วใน 3 ข้อหา ซึ่งจะต้องรอสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป  หลังกระบวนการแล้วเสร็จก็จะรวบรวมสำนวนคดีส่งฟ้องศาลทหารต่อไป


ผู้กำกับการ สภ.พลูตาหลวง เปิดเผยอีกว่า เบื้องต้นขณะนี้มีผู้เสียหาย 23 ราย แต่คาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายรายอื่น ๆ อีกหากใครสงสัยว่าอาจตกเป็นเหยื่อสามารถเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ ขณะเดียวกันหากผลการตรวจสอบฮาร์ดดิสด์ที่ส่งไปให้ทาง สพฐ. ตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นอีก ก็จะมีการดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป



เบื้องต้นได้เตรียมตั้งข้อหาจำนวน 3 ข้อหา คือ

1. กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้

2. กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้

3. กระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแกข่มเหง คุกคามหรือกระทำให้ได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเป็นการกระทำในที่สาธารณะสถาน หรือเป็นการกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ


ขณะที่ผู้เสียหายรายหนึ่งไม่ขอเปิดเผยตัวตน เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คาดคิดว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ หากคลิปที่ถูกบันทึกไว้ ถูกนำไปเผยแพร่ในโลกโซเชียล ก็คงต้องนำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูล และอับอายอย่างมาก จึงอยากได้รับความเป็นธรรม และให้กฎหมายลงโทษผู้ก่อเหตุอย่างถึงที่สุด เพราะผู้ก่อเหตุเป็นถึงข้าราชการชั้นสัญญาบัตร


รวมถึงอยากได้รับความชัดเจนว่า คลิปถูกเผยแพร่ไปที่ใดหรือไม่ เพื่อคลายความกังวลใจ และความเครียดที่มีอยู่ขณะนี้ ส่วนสาเหตุที่ติดกล้องในห้องน้ำชายด้วยนั้น เนื่องจากในแผนกจะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเข้าเวรรอบดึก จะต้องเข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เพราะห้องน้ำหญิงไม่มีที่อาบน้ำ จึงเป็นสาเหตุที่มีการติดกล้องไว้ในห้องน้ำชายด้วย


ด้านพลเรือโท ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข่าวกรณี  มีกำลังพลกองทัพเรือชั้นยศ นาวาตรี ตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิง ภายในสำนักงาน โดยผู้ตกเป็นเหยื่อประกอบด้วยข้าราชการพนักงานลูกจ้างและนักเรียนฝึกงาน โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวงอำเภอสัตหีบ  จังหวัดชลบุรี


เหตุการณ์ดังกล่าว ได้ถูกเปิดเผย เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา ภายหลัง มีผู้พบกล้อง 2 ตัว ติดตั้งอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำ ในสำนักงานของหน่วยงานราชการในสังกัดกองทัพเรือ  ขณะทำการซ่อมแซมระบบสายไฟ ซึ่งเมื่อไหร่ตรวจสอบจึงพบว่ามีการซ่อนกล้อง ต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ของ ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร  มั่งคั่ง  สังกัดแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  กรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์พบหลักฐานคลิปวีดีโอของผู้เสียหายขณะทำภารกิจส่วนตัวซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558


ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดของ ว่าที่ นาวาตรี  เกียรติกร  ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยได้ทำการกักควบคุมตัว ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ไปข่มขู่ผู้เสียหาย และมิให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างสอบสวน ซึ่งผลการสอบสวนเบี้องต้นพบว่า ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกรฯ  กระทำความผิดจริง


ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่า การกระทำของ ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 และเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เสียหายจำนวนมาก และสร้างความเสื่อมเสียต่อกองทัพเรือ  กองทัพเรือจึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง เพื่อพิจารณาตามกฏหมายตลอดจนข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป  โดยปัจจุบัน อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาโทษความผิดทางวินัยร้ายแรง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการสอบสวนของคณะกรรมการโดยเร็ว


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลเรือเอก สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ  ได้ส่งข้อความไปยังกำลังพลทุกนายว่า ในขณะที่พี่น้องทหารเรือเราปฏิบัติงานอย่างเหนื่อยยาก ลาดตระเวนตามแนวชายแดนทั้งทางบกทางทะเล ทั้งกลางวันกลางคืน บางส่วนบินตรวจการณ์ โปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมัน บางส่วนตอนนี้ยังอยู่ใต้น้ำตรวจสอบเรือจม และตรวจสอบผลกระทบจากน้ำมันรั่ว


แต่ก็ยังมีบางคนที่ประพฤติตัวไม่ดี ทำให้ส่วนรวมเสื่อมเสีย ผมขอประฌามการประพฤติตัวดังกล่าว และจะดำเนินการลงโทษให้ถึงที่สุด เพื่อรักษาเกียรติของพวกเราทหารเรือให้คงอยู่ และเป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนสืบไป



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/F8EWJ3J28W0

คุณอาจสนใจ

Related News