ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 กรุงเทพมหานคร อย่างไม่เป็นทางการ ที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ขอบคุณประชาชนที่แสดงพลัง จนเป็นชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ แพ้ไปอยู่ในอันดับที่ 4 มีคะแนนต่ำกว่าคาดการณ์ไว้มาก และยอมรับในความพ่ายแพ้ ติดตามการประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการ



กรรมการการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 9 กรุงเทพมหานคร ปิดประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ นายสุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 29,416 คะแนน อันดับสองคือ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ พรรคก้าวไกล ได้ 20,361 คะแนน ชนะอันดับ 3 นายอรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี ที่ได้ 20,047 คะแนน ห่างกันเพียง 114 คะแนน



ในขณะที่ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้เพียง 7,906 คะแนน อยู่ในอันดับ 4 ห่างจากอันดับ 5 พรรคไทยภักดีที่ได้ 5,987 คะแนน เพียง 1,919 คะแนน ส่วนนายเจริญ ชัยสิทธิ์ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ได้ 333 คะแนน นายรุ่งโรจน์ อิบรอฮิม พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ 244 คะแนน และนางสาวกุลรัตน์กลิ่นดี พรรคยุทธศาสตร์ชาติได้ 190 คะแนน ส่วนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 88,124 คะแนน คิดเป็น 52.68 % เท่านั้น น้อยกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ที่มาใช้สิทธิ​74.5 %



สำหรับการเลือกตั้งในพื้นที่เขตหลักสี่มีผู้มาใช้สิทธิ์คึกคัก แต่ในเขตจตุจักร มาใช้สิทธิ์น้อย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เปิดเผยว่าพบการร้องเรียน 3 เรื่อง ในลักษณะการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งภาพรวมถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยครั้งนี้มีผู้สังเกตุการณ์จากหลายฝ่าย และจับตาการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงนับคะแนนที่มีการจับตาเหตุไฟดับที่หน่วยเลือกตั้งแต่ครั้งนี้ไม่พบ



นายสุชาติ เทียนทอง ขอบคุณประชาชนที่ให้โอกาสได้กลับเข้าสภาผู้แทนราษฏรอีกครั้งเพื่อคืนศักดิ์ศรีให้ชาวหลักสี่และจตุจักร และแสดงความยินดีกับผู้สมัครทุกคน ทุกพรรคที่หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ยืนยันขอเป็นส.ส.ของทุกคนทั้งในและนอกสภาฯ



ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าผลคะแนนครั้งนี้บ่งชี้ทิศทางทางการเมืองหลายเรื่อง ทั้งการเป็นบันไดก้าวแรกของฝ่ายประชาธิปไตยที่ได้คะแนนรวมกันกว่า 60 % สะท้อนกลับไปถึงฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลว่าที่ผ่านมาผลงานล้มเหลว



สำหรับพรรคก้าวไกล แสดงความยินดีกับนายสุรชาติ และขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ คะแนนครั้งนี้พรรคได้มากกว่า 24 % มากกว่าเมื่อปี 62 ในนามพรรคอนาคตใหม่ที่ได้ 20 % และในเขตเลือกตั้งในค่ายทะหารได้คะแนนเสียงมาเพิ่ม ทำให้มีกำลังใจในการเดินตามแนวนโยยายของพรรคต่อไปโดยเฉพาะรัฐสวัสดิการ ส่วนนายกรุณพล ก็ดีใจที่มีเสียงตอบรับที่ดี และยืนยันทำงานการเมืองแน่นอน ในขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค เชื่อว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ประเมินได้ว่าอีกไม่เกิน 1 ปี รัฐบาลจะยุบสภา



ส่วนพรรคกล้าได้คะแนนมาอันดับ 3 เป็นสิ่งที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ต้องขอบคุณประชาชนที่สร้างความหวังในการทำงานการเมืองคุณภาพ และเป็นก้าวแรกของพรรคกล้า ที่แจ้งเกิดในกทม.โดยในพื้นที่ จตุจักร ที่เป็นพื้นที่เดิมของนายอรรถวิชญ์ ก็ชนะในเขตนี้ แต่เสียดายที่มีผุ้มาใช้สิทธิ์ประมาณ 30 %



ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ นายสิระ เจนจาคา และนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ แถลงยอมรับความพ่ายแพ้ หลังก่อนหน้านั้นเชื่อมั่นว่าจะชนะมากกว่า 3 หมื่นคะแนน แต่กลับได้เพียง 7 พันคะแนน ทำให้ต้องยอมรับในคะแนนเสียงที่ได้รับ และต้องทบทวนว่าประชาชนต้องการอะไร แต่ไม่ขอตอบว่าหมายถึงกระแสนิยมพลเอกประยุทธ์ ลดลงหรือไม่



แต่ที่น่าจับตาคือคะแนนเสียงของพรรคไทยภักดี แม้จะได้มากว่า 5 พันคะแนน แต่เป็นรองพรรคพลังประชารัฐไม่มาก ทำให้หัวหน้าพรรค ยืนยันที่จะทำงานการเมืองตามจุดยืนต่อไป แต่ก็มองว่าเป็นสิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลต้องทบทวนบทบาทด้วย