นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกัมปีนาส (University of Campinas) ในบราซิล เผยแพร่ผลการทดสอบวัคซีนต้านโควิด-19 โคโรโนแวค (CoronaVac) ที่ผลิตโดยบริษัทซิโนแวคของจีน ในการต่อต้านเชื้อสายพันธุ์ 'แกมมา' หรือ P.1 ที่พบครั้งแรกในบราซิล

โดยพบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลง นอกจากนี้ ทางผู้วิจัยได้ทดสอบการต่อต้านเชื้อสายพันธุ์แกมมา ของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว และพบว่าผู้ที่เคยติดเชื้อก็สามารถติดเชื้อใหม่ได้อีก

ทีมวิจัยเผยว่า เชื้อสายพันธุ์แกมมา สามารถหลบเลี่ยงการต่อต้านของระบบภูมิคุ้มกันในคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนตัวนี้มาแล้วได้เป็นอย่างดี ซึ่งชี้ให้เห็นว่า "ไวรัสสามารถแพร่ระบาดได้ในผู้ที่รับวัคซีนมาแล้ว หรือแม้กระทั่งในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง"

อย่างไรก็ดี การทดลองดังกล่าวเป็นการทดลองขนาดเล็กมีผู้เข้าร่วมทดลองไม่ถึง 100 คน โดยนักวิจัยได้ใช้พลาสมาจากผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวนทั้งหมด 53 คน และของผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 21 คนมาทำการวิจัย

ซึ่งในกลุ่มที่ได้รับการฉีดวัคซีน มี 18 คน ได้รับวัคซีนเพียง 1 โดส ขณะเดียวกัน 20 คน ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสมาได้ไม่นาน และอีก 15 คน ได้รับวัคซีนมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา โดยผลปรากฏว่า เชื้อแกมมา สามารถหลบหลีกแอนติบอดี้ ของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียวเกือบทั้งหมด เช่นเดียวกันกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ ผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสได้ไม่นาน ต่อต้านเชื้อแกมมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ดั้งเดิม การศึกษา ที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร แลนเซ็ต ไมโครบี (Lancet Microbe) ยังพบว่า แม้แอนติบอดี้ของผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว จะสามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิมได้ แต่สำหรับสายพันธุ์แกมมา ร่างกายจำเป็นต้องสร้างแอนติบอดี้สูงกว่าเดิมถึง 9 เท่า จึงจะสามารถป้องกันได้ นั่นหมายความว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้วก็อาจติดเชื้อใหม่ได้