หลังจากที่มีความพยายามเจรจากันหลายรอบให้ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ออกจากใจแผ่นดิน หรือบางกลอยบน ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กลับไปอยู่ที่บางกลอยล่างที่รัฐจัดที่ให้ตามเดิม แต่ปรากฎว่า ไม่ได้ผล จนนำไปสู่การใช้มาตรการทางกฎหมาย 

ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้สนธิกำลังกับตำรวจและทหาร นำเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ พร้อมหมายจับบินขึ้นไปจับผู้ต้องหากว่า 20 คนรวมทั้งนาย นอแอ๊ะ มีมิ ลูกชายนายคออี้ อดีตผู้นำจิตวิญญาณกะเหรี่ยงกับพวก และมีกลุ่มชาติพันธุ์รวมถึงเด็กๆด้วย ทั้งหมด 85 คน 

ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่หลายหน่วย ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ บินเข้าไปในป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ช่วงรอยต่อกับประเทศเมียนมา ที่เป็นบ้านบางกลอยบน บริเวณที่เรียกว่า "ใจแผ่นดิน" หลังจากที่ เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความที่ สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ให้ดำเนินคดี กับกลุ่มกะเหรี่ยงที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และศาลจังหวัดเพชรบุรี อนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา โดยผู้ที่ถูกออกหมายจับมีนายนอแอ๊ะ มีมิ ลูกชายของนายคออี้ มีมิ รวมอยู่ด้วย ซึ่งรายงานล่าสุด ผู้ถูกออกหมายจับ 22 คน 

ซึ่งต่อมา นายเกรียงไกร ชีช่วง ผู้ประสานงานเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เขตงานตะนาวศรี นำกลุ่มชาติพันธุ์จาก อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี กว่า 50 คน ไปที่ทำการอุทยานฯ เพื่อขอพบผู้ที่ถูกควบคุมตัว และอ้างว่าการที่กลุ่มกะเหรี่ยงกลับขึ้นไปที่ใจแผ่นดิน เป็นสิทธิมนุษยชนที่สามารถทำได้

แต่ก็ปรากฎว่า มี ชาวบ้านอีกกลุ่มประมาณ 20 คนนำโดยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ต.แก่งกระจาน ถือป้าย "SAVE แก่งกระจาน" ไปสนับสนุนการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และยืนยัน ไม่ต้องการให้ชาวกะเหรี่ยงกลับไปบางกลอยบนอีก เพราะป่าไม้จะถูกทำลายขยายวงมากขึ้น ระหว่างเจรจาต่อรองก็มีปัญหาเล็กน้อย แต่ที่สุดก็ตกลงกันได้ โดยเจ้าหน้าที่ยืนยัน เป็นการปฎิบัติตามระเบียยบและกฎหมาย 

เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มีทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้ประสานความช่วยเหลือด้านกฎหมายตามหลักสิทธิมนุษยชน ตามที่ชาวกะเหรี่ยงไปยื่นคำร้องไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเข้าไปพบกับผู้ที่ถูกควบคุมตัวได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า ได้ประสานให้สภาทนายความจังหวัดเพชรบุรี ให้จัดหาทนายความไว้ให้แล้ว 

ล่าสุด กรมอุทยานฯ ชี้แจงว่า ได้ควบคุมตัวผู้บุกรุกป่าบางกลอยทั้งหมด 85 คน เป็นผู้ต้องหา 22 คน นำตัวฝากขังที่เรือนจำ 1 คน และมีผู้ที่ถูกเปรียบเทียบปรับ 27 คน นอกจากนี้เป็นเด็กอายุ ไม่เกิน 15 ปี 36 คน