วรจรปิดเผยภาพชายขี่ จยย. ในค่ายทหาร คาดเป็นมือยิง 'หมวดบอล' ด้านภรรยากลับคำให้การ ปมขัดแย้งผู้บัญชาการ

อาชญากรรม

วรจรปิดเผยภาพชายขี่ จยย. ในค่ายทหาร คาดเป็นมือยิง 'หมวดบอล' ด้านภรรยากลับคำให้การ ปมขัดแย้งผู้บัญชาการ

โดย weerawit_c

13 ก.พ. 2564

2K views

กรณี ร้อยโท รุ่งเฉลิม พันธุ์สวัสดิ์ หรือหมวดบอล อายุ 34 ปี นายทหารหัวหน้าหมวดดุริยางค์ทหาร มณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) ค่ายพระยอดเมืองขวาง ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม ถูกคนร้ายจ่อยิงเผาขน เสียชีวิตบนถนนในค่าย เส้นทางกองร้อยสนับสนุนการช่วยรบ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (ร้อย.สสช.ร.3 พัน.3) หมวดยานยนต์ฯ (มว.ยานยนต์ ร.3 พัน.3) เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


เบื้องต้น จากการตรวจสอบข้อมูลภายในหน่วย มทบ.210 พบว่า วันเกิดเหตุเวลาเย็น ผู้ตายได้ขับรถยนต์พาภรรยาคือ นางกณิศฐ์ฐา พันธุ์สวัสดิ์ หรือจ๋า อายุ 32 ปี ออกไปทำธุระในเมืองนครพนม ก่อนกลับเข้ามาในหน่วย เพื่อขับรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ที่หมวดดุริยางค์ทหาร และให้ภรรยาขับรถยนต์เก๋งกลับบ้านพักก่อน แต่ขณะผู้ตายขับขี่ จยย. บนเส้นทางดังกล่าว ได้มีคนร้าย 1 คน ขับรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน สวมหมวดกันน็อกปิดบังใบหน้า ประกบจ่อยิง 3 นัดซ้อน กระสุน เข้าที่ลำคอขวา 1 นัด และใต้รักแร้ขวาอีก 2 นัด และสันนิษฐานว่ามือปืนได้ใช้เส้นทางประตูด้านหลังค่าย ที่อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงหลบหนี เพราะทราบดีว่าบริเวณนี้ไม่มีเวรยามเฝ้า


ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาของหน่วย มทบ.210 รวมถึงพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ปูพรมตรวจบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบกระป๋องเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง มีทั้งกระป๋องเก่าและใหม่ถูกโยนทิ้งในพุ่มไม้ นอกจากนี้ยังพบก้นบุหรี่อีกจำนวนหนึ่ง จึงได้มีการตรวจสอบพบว่าในค่ายพระยอดเมืองขวาง มีร้านขายของชำอยู่เพียงแห่งเดียว ชุดสืบสวนสอบสวนจึงไล่เช็คกล้องวงจรปิด ที่อยู่ใกล้ร้านขายของชำ นำเมมโมรี่ไปตรวจสอบหาตัวบุคคลต้องสงสัย ซึ่งผลการตรวจสอบชุดสืบสวนสอบสวนไม่เปิดเผยรายละเอียด เพราะเกรงจะกระทบต่อรูปคดี ในชั้นสอบสวนเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนอยู่ในค่าย ที่รู้ช่องทางการหลบหนี รวมถึงรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างไร อีกทั้งภายในค่ายพระยอดเมืองขวาง ยากที่จะมีคนนอกเข้ามาก่อเหตุ เพราะมีการเข้มงวดตรวจสอบบุคคลเข้าออกตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนประเด็นการเสียชีวิตทางเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่ ความขัดแย้งส่วนตัว และปมชู้สาว เพราะผู้ตายมีบุคลิกหน้าตาดี พูดจาสนุกสนาน 


ส่วนประเด็นความขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชานั้น ทางหน่วยยืนยันว่าไม่มีปมขัดแย้งถึงขั้นที่จะเป็นสาเหตุการเสียชีวิต และการลงโทษก็แค่ภาคทัณฑ์ว่ากล่าวตักเตือน ส่วนที่ภรรยาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มีความขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชาทั้งผัวทั้งเมีย ก็ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวว่า นางจ๋าภรรยาของผู้ตายทำงานเป็นพนักงานจ้างชั่วคราว ซึ่งทางหน่วยได้รับการร้องเรียนจากบุคคลหลายกลุ่มว่า เป็นคนพูดจาโผงผางออกไปทางก้าวร้าว ขณะที่ทางหน่วยต้องการให้บุคลากรมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับประชาชน เมื่อถึงเวลาประเมินผลงานเพื่อต่อสัญญาการว่าจ้าง ทางคณะกรรมการฯมีมติไม่ต่อสัญญาให้กับนางจ๋าด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้น แต่ผู้บังคับบัญชากลับถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งผัวเมียคู่นี้ “ถ้าหากผู้บังคับบัญชาจงใจกลั่นแกล้งคงสั่งขังหมวดบอลไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้มายืนชี้หน้าด่าแบบนี้ อีกอย่างข้อกล่าวหานำน้ำมันหลวงไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ข้าราชการคงทราบว่าดีว่าต้องถูกดำเนินการขั้นไหนฯ เพียงภาคทัณฑ์ว่ากล่าวตักเตือนถือว่าเป็นโทษสถานเบาที่สุดแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วานนี้ (12 ก.พ.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้บินด่วนมาที่จังหวัดนครพนม เพื่อประชุมร่วมกับทีมสืบสวน พร้อมตรวจสำเนาการสอบสวน โดยในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการหารือเร่งรัดเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนขยายผล รวมถึงผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน เกี่ยวกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ โดยก่อนนี้ มีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ เขม่าดินปืน และตรวจหาสารเสพติดกับทหารเพื่อนร่วมงาน จำนวน 23 นายในหมวดดุริยางค์ รวมถึงร่องรอยทางนิติวิทยาศาสตร์ ในรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 สีบรอนซ์ ซึ่งผู้ตายขับขี่ในวันเกิดเหตุ แต่ยังไม่พบร่องรอยหลักฐานเชื่อมโยงคนร้าย และยังไม่ทราบชนิดอาวุธปืนที่ก่อเหตุ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดแนวทางการสืบสวนสอบสวน ทางตำรวจยังไม่ตัดทิ้ง ประเด็นชู้สาว ยิงผิดตัว รวมถึงความขัดแย้งในการทำงาน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกยังพบว่า ทางตำรวจชุดสืบสวนมีการตรวจพบกล้องวงจรปิดบางจุดในบ้านพักทหารหลังหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ มีการบันทึกภาพเห็นชายต้องสงสัย 1 คน สวมหมวกนิรภัยปิดบังใบหน้า ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 สีขาว ไม่ทราบทะเบียน แล่นผ่านบ้านพักไปอย่างอย่างรวดเร็ว คาดว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ


นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบหลักฐานเป็นกระป๋องเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง จำนวน 4 กระป๋อง และก้นบุหรี่ต่างประเทศ ตกอยู่บริเวณพงหญ้า ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 30 เมตร ซึ่งทางตำรวจจะได้นำมาเป็นหลักฐาน ตรวจสอบร่องรอยลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอ ตามกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเทียบเคียงกับผู้ต้องสงสัย


ประเด็นสำคัญที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังเร่งแกะรอย คือ ความขัดแย้งส่วนตัวกับ นายทหารยศจ่านายหนึ่ง ที่เคยมีปัญหาทะเลาะกับลูกน้องที่ทำงานในหมวดดุริยางค์ เกี่ยวกับเรื่องหญิงสาวรายหนึ่งที่เข้ามาพัวพัน กล่าวคือหญิงสาวคนนี้คบซ้อน มีจ่าที่อายุต่างวัยคนหนึ่ง แล้วเกิดปิ๊งกับลูกน้องของหมวดบอล จนเกิดความขัดแย้งระหว่าง ลูกน้องผู้ตายกับจ่ากลายเป็นศึกชิงนาง พันตูอีรุงตุงนังขั้นลงไม้ลงมือ จนมีเรื่องขึ้นแจ้งความกันที่โรงพัก ทำให้หมวดบอลต้องเป็นตัวกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยลูกน้องยินยอมจ่ายค่าทำขวัญให้แก่คู่กรณี แต่เรื่องยังไม่จบเพราะจ่าทหารทักมาหาว่ายังไม่ได้เงินค่าทำขวัญ ซึ่งอาจจะเป็นชนวนเหตุของความไม่พอใจ ทั้งนี้ทางตำรวจยังไม่ยืนยัน ต้องรอผลการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ จนครบทั้งหมด


แต่ในประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างผู้บังคับบัญชามีน้ำหนักน้อย เพราะไม่มีการลงโทษทางวินัยขั้นรุนแรง เป็นเพียงการตรวจสอบให้ผู้ตายรายงานชี้แจง เรื่องการใช้จ่ายน้ำมันไปราชการเท่านั้น และไม่มีการเอาผิดร้ายแรง เพียงลงโทษภาคทัณฑ์ อีกทั้งยังไม่มีผลกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาหน่วย


ด้าน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. หลังประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้เปิดเผยว่า วานนี้ (12 ก.พ.) ลงพื้นที่หารือร่วมกับทุกฝ่าย ทั้งทีมตำรวจ ทหาร ชุดสืบสวน พนักงานสอบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน ถือว่าคดีคืบหน้าไปมาก กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่ตัดทิ้งทุกประเด็นทั้งเรื่องชู้สาว ขัดแย้งส่วนตัว และปัญหาการทำงาน ต้องรอผลการตรวจชันสูตรทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบทุกด้าน


ส่วนประเด็นที่สื่อมวลชนสอบถาม เรื่องหลักฐานในที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานทุกอย่าง ทางตำรวจได้รวบรวมไว้ทุกหมด และมีพยานบุคคลเห็นเหตุการณ์อีก 2 คน ได้นำตัวมาสอบสวนเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังไม่ทิ้งประเด็นขัดแย้งกับนายทหาร หรือเพื่อนร่วมงาน ที่จะเป็นมูลเหตุทุกอย่างได้รวบรวมไว้ทั้งหมด ขณะที่ทางทหารให้ความร่วมมือทุกด้าน จึงไม่หนักใจอะไร เชื่อว่าเพียงรอสรุปผลการชันสูตร สรุปพยานหลักฐาน จะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้เร็วที่สุด ส่วนผู้ต้องสงสัยมีทั้งหมด 2-3 คน ซึ่งแหล่งข่าวเผยว่าบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญการยิงลักษณะนี้ ในค่ายพระยอดเมืองขวางมีเพียงไม่กี่คน การคืบคลานเข้าหาตัวคนร้ายกระชั้นชิดเข้าไปทุกขณะ


ล่าสุดผลการผ่าพิสูจน์หัวกระสุนปืนในศพของหมวดบอล ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ขอนแก่น พบหัวกระสุนสีแดงคล้ายกระสุนปืนขนาด11 มม.เพียงหัวเดียว แต่ผู้ตายถูกยิง 3 นัดซ้อน สร้างความฉงนใจแก่พนักงานสอบสวนเป็นอย่างมาก และวานนี้ (12 ก.พ.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้เชิญนักดนตรีวงดุริยางค์ จำนวน 23 นาย มาสอบสวนปากคำ โดยแยกกันสอบหลายห้อง นอกจากนี้นางกณิศฐ์ฐาหรือจ๋า ภรรยาของผู้ตาย ก็เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งมี พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม มาสอบถามกลุ่มนักดนตรีฯ เพื่อหาไทม์ไลน์ของหมวดบอลก่อนจะไปพบจุดจบ โดยลูกน้องหมวดบอลได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้าตำรวจจับมือปืนได้ คำถามแรกอยากจะถามเขาว่า ”ฆ่าพี่ผมทำไม?”


จากนั้นนางกณิศฐ์ฐา หรือจ๋า ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุสิ่งแรกที่คิดคือสามีต้องถูกผู้บังคับบัญชาสั่งตาย แต่เมื่อจิตใจสงบลงหวนคิดลำดับเรื่องราวแล้ว กรณีขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชาก็เพียงแค่การลงโทษภาคทัณฑ์ ไม่หนักถึงขั้นต้องเอาชีวิตกัน จึงมองมาที่ประเด็นยิงผิดตัวมากกว่า เพราะรถ จยย.ลักษณะเดียวกันในค่ายมี 3-4 คัน แต่ก็ไม่ตัดประเด็นขัดแย้งออกไปซะทีเดียว


ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงจ่าหำ ว่ามีเรื่องบาดหมางกันหรือไม่ ภรรยาหมวดบอลตอบว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 4-5 เดือนที่ผ่านมา และทั้งคู่ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกันโดยตรง แต่เป็นคนกลางเข้าไปไกล่เกลี่ยให้ลูกน้อง และลูกน้องตกลงจะจ่ายเงินค่าทำขวัญให้ญาติจ่าหำ กระทั่งไม่กี่วันมานี้จ่าหำได้ทักมาบอกว่า ลูกน้องยังไม่ได้จ่ายเงินทำขวัญให้ สามีก็รับปากจะไปสอบถามอีกที และก็มาถูกยิงเสียชีวิต ในหัวยังคิดไม่ออกเลยว่าสามีไปมีเรื่องกับใคร ส่วนประเด็นยาเสพติดติดออกไปได้เลย


ด้านพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ พบว่ามีนายทหารใช้มากถึง 40 คัน อีกทั้งต้องติดตามโทรศัพท์มือถือของผู้ตายอีกเครื่องหนึ่งซึ่งหายไป สำหรับเรื่องนี้นางกณิศฐ์ฐาหรือจ๋าเผยว่าสามีใช้โทรศัพท์ 2 เครื่องจริง เครื่องหนึ่งไว้สำหรับติดต่องาน ส่วนเครื่องที่หายใช้เล่นเกมเพียงอย่างเดียว และกำลังจะไปยกเลิกแบบรายเดือน แต่เห็นว่าเน็ตใช้ได้อยู่จึงยังไม่ได้ไปยกเลิก โทรศัพท์เครื่องนี้อาจจะทิ้งอยู่ในบ้านพัก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องตนยังไม่ได้กลับเข้าไปในบ้านพักหลังนี้อีกเลย


ชมผ่านยูทูบที่ : https://youtu.be/JjFSgHI7uNE

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ