สังคม
'อุ๊บ วิริยะ-หมอปลา' เตรียมเอาผิด 'ลุงพล' ปมนำรูปร่วมเปิดบัญชีรับบริจาค-เครื่องดักฟัง
โดย
18 ม.ค. 2564
8K views
'อุ๊บ วิริยะ' เตรียมปรึกษาทนายความ เพื่อแจ้งความเอาผิด 'ลุงพล' ฐานละเมิดสิทธิส่วนบุคคล นำรูปตนไปร่วมเปิดบัญชีขอรับบริจาค สร้างศาลาวัด จังหวัดมุกดาหาร โดยระบุว่า จริงๆแล้วตนเห็นภาพนี้มาก่อนหน้านี้ แต่ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จึงปล่อยผ่านไป หลังจากเกิดความขัดแย้งกันซึ่งลุงพลมีท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงต้องการเอาผิดเพื่อเป็นบทเรียน และที่สำคัญเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ หมอปลาพร้อมภรรยา ก็เตรียมปรึกษาทีมทนายความเช่นกัน เพื่อตรวจสอบปมเครื่องดักฟังที่พบในรถลุงพล หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำ โดยต้องการให้ตำรวจดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาบุคคลที่นำเครื่องนี้มาแอบติดไว้ เพราะลุงพลในฐานะผู้เสียหาย ไม่ยอมเข้าแจ้งความ ทำให้เรื่องนี้ยังคลุมเครือ ตนจึงขอแจ้งความเอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย
อีกด้าน เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมเข้าตรวจสอบต้นตะเคียน ที่ศาลแม่ตะเคียนโสระภี ข้างบ้านลุงพล หลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องขอให้ตรวจสอบว่าเป็นต้นตะเคียนจริงหรือไม่ และครอบครองถูกกฎหมายหรือไม่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ระบุว่า ตะเคียนท่อนถือเป็นไม้หวงห้าม ที่ผู้ครอบครองจะต้องสามารถชี้แจงว่าได้มาจากที่ใด มีที่มาที่ไปอย่างไร ส่วนกรณีตะเคียนท่อนบ้านลุงพล จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ไหลมาจากบนภูเขา ลอยมาตามน้ำ ก่อนมาติดอยู่ตรงสะพาน แล้วลุงพลไปพบจึงนำขึ้นมาตั้งศาลแม่ตะเคียน
ทั้งนี้ หากตรวจสอบว่าเป็นต้นตะเคียนจริง จะถือว่าผิดฐานครอบครองไม้หวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่หากไม่ใช่ตะเคียนจริง การตั้งให้คนกราบไหว้บูชาแบบนี้ อาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่
ส่วนกรณีที่ตำรวจจะให้เข้าเครื่องจับเท็จเพิ่ม ทีมข่าวสัมภาษณ์ได้แม่น้องชมพู่ เจ้าตัวกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้จับตัวคนร้ายได้และยังติดตามคดีน้องชมพู่อยู่ เพราะระยะเวลาที่ผ่านมาก็นานมากแล้ว 8-9 เดือน ตนรู้สึกดีใจที่ตำรวจไม่ทิ้งคดีนี้ ส่วนเรื่องของลุงพล ไม่ว่าจะหมอปลา อุ๊บวิริยะ ทนายโนบิ เริ่มที่จะตีตัวออกห่าง ตนไม่ขอออกความคิดเห็นแต่อย่างใด ตนแค่มองว่าการที่เราจะปกปิดนิสัยส่วนตัวของเรา หรือสมมติว่าเราเป็นคนไม่ดีแต่แกล้งทำเป็นดี เราทำได้ไม่นานหรอก ยังไงเราจะปิดไม่มิด ไม่ว่าวันใดวันหนึ่งนิสัย หรือตัวตนที่แท้จริงของเรามันก็จะออกมาเหมือนเดิม
ส่วนล่าสุด จะมีการเรียกพยานปากสำคัญ 6 ราย เข้าสอบปากคำเพิ่มเติมเข้าเครื่องจับเท็จ ตนคิดว่ามีผลต่อคดีเป็นอย่างมาก เพราะตำรวจให้ความสำคัญกับพยายานเป็นพิเศษ ตนคิดว่าจะทำให้รู้ตัวคนร้ายได้ไวขึ้น สุดท้ายขอขอบคุณตำรวจที่ไม่เคยทิ้งคดีน้องชมพู่ และอยากฝากทุกท่านที่เคยว่าร้ายตน อาจเป็นเพราะไม่ได้รู้จักตัวตนของตน ซึ่งตนพร้อมที่จะให้อภัย และอยากขอบคุณคนที่ให้กำลังใจ ที่ทำให้ตนลุกขึ้นมาได้ในวันที่แย่
แท็กที่เกี่ยวข้อง