รอง ผบช.น.แจง พบข้อมูล 'แก๊งมิคาโดะ' เอี่ยวโยงคดี 'เคนมผง' - พ่อผู้ต้องหา โร่แจ้งความหลังถูกพาดพิงขบวนการค้ายา

สังคม

รอง ผบช.น.แจง พบข้อมูล 'แก๊งมิคาโดะ' เอี่ยวโยงคดี 'เคนมผง' - พ่อผู้ต้องหา โร่แจ้งความหลังถูกพาดพิงขบวนการค้ายา

โดย

16 ม.ค. 2564

247 views

พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวนนครบาล ระบุถึงความเชื่อมโยงของแก๊งมิคาโดะกับยาเคนมผง / ยาเคทะเลยทราย หลังปรากฏชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ว่าในส่วนของแก๊งดังกล่าว จากการข่าวและประวัติการจับกุมพบว่าแก๊งนี้มีความเชื่อมโยงกับยาเสพติดจริง โดยเริ่มมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2550 / 2554-2556 โดยเริ่มจากพื้นที่ สน.โชคชัย ก่อนจะถูกกดดันจนมีการย้ายไปอยู่แถวหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในพื้นที่ สน.พหลโยธิน และย้ายไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ สน.สายไหม 
ซึ่งพฤติกรรมของแก๊งนี้จะชื่นชอบการแข่งรถยนต์ บนถนนสาธารณะ และค้ายาเสพติดประเภท ยาบ้า และยาเค โดยเครือข่ายของแก๊งมิคาโดะ มีลักษณะคล้ายแก๊งโอรส ที่ถูกตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้ โดยเท่าที่ฝ่ายสืบสวนพบข้อมูล ปัจจุบันแก๊งมิคาโดะมีระดับหัวหน้าอยู่ประมาณ 10 คน ซึ่ง กลุ่มหัวหน้าปัจจุบัน เป็นรุ่นที่ 3 ส่วนตัวนาย ต. ที่ปรากฏชื่อว่าเกี่ยวข้องกับยาเคนมผง ในครั้งนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผล และตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องว่าเกี่ยวข้อง หรือไม่ หรือขณะนี้หลบหนีไปอยู่ที่ใด มีกลุ่มคนที่มีอิทธิพลให้การสนับสนุนหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ 
ล่าสุด นายมนัส นุตตะโยธิน หรือ บังมีน อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นพ่อของนายฮัท หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายในพื้นที่ สภ.คูคต เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สายไหม เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา หลังถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเคนมผง
โดย นายมนัส ได้เปิดคลิปข่าวที่มีการพูดพาดพิงถึงชื่อของตนเอง และมีการแสดงแผนผังความเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรในคดีนี้ พร้อมกับเปิดเผยว่า ตนเองทำอาชีพจำหน่ายอะไหล่แต่งรถจักรยานยนต์มานานเกือบ 20 ปี อยู่ที่บริเวณตลาดทรัพย์เจริญ ซอยสุขาภิบาล 5 หลังทราบข่าวว่าลูกชายถูกจับกุม ก็ไปเฝ้าติดตามคืบหน้าคดีอยู่ 2 วัน จนมาทราบข่าวหลังมีรายการข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง อ้างว่าตนเองเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด 
จากนั้นก็เริ่มมีคนรู้จักและญาติมาสอบถามเรื่องที่ตนเองไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเคนมผงอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่ตนเองไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดมาก่อน และตั้งแต่ที่เกิดคดีขึ้นกับลูกชายตน ก็ไม่มีตำรวจหรือเจ้าหน้าที่นายใด เรียกตัวไปซักถาม หรือเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ส่วนเรื่องแก๊งมิคาโดะ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นสมาชิก แต่ยอมรับว่ารู้จักคนที่ชื่อเอก เพราะเคยไปแข่งรถด้วยกันในสนามแข่งย่านคลอง 5 จังหวัดปทุมธานี แต่ก็ไม่รู้เชิงลึกว่าแก๊งมิคาโดะทำธุรกิจผิดกฎหมายอะไรหรือไม่
ยืนยันว่าตนเองไม่เคยมีประวัติคดีอาชญากรรม ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย และพร้อมให้ตำรวจตรวจสอบได้ทั้งหมด ทั้งธุรกิจที่ทำ รวมไปถึงบัญชีธนาคาร เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจก็รับเรื่องและลงบันทึกประจำวันไว้ให้
ด้านพลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมายัง สน.สุทธิสาร หลังฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร สามารถจับกุมตัว นายคิด อายุ 19 ปี ที่ทำหน้าที่จำหน่ายยาเสพติด ยาเคนมผง ให้กับ นางสาวละลิตา เทินสะเกษ อายุ 19 ปี สาวเสิร์ฟร้านอาหารย่านพระราม 3 ที่เสียชีวิตในห้องเช่าของแฟนหนุ่มในช่วงกลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม ต่อเนื่องเช้าวันเสาร์ที่ 11 มกราคม
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้จำหน่ายเคนมผง ให้กับผู้ตายในพื้นที่สุทธิสารจริง ซึ่งยาเคนมผง ล็อตที่จำหน่ายให้ผู้ตาย รับมาจากนายโบ้ ผู้ต้องหาที่อยู่ในคดีของวัดพระยาไกร ที่ถูกจับกุมและมีการฝากขังไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยรับมากรัมละ 600 และตนเองมาบวกกำไร 100 บาท ส่วนเรื่องส่วนผสมผู้ต้องหาระบุว่า มีการผสมยาเค ร่วมกับแป้ง และเฮโรอีน ซึ่งตรงกับของกลางที่พบในพื้นที่จันทน์ 31 ส่วนประเด็นเรื่องยาเคทะเลทราย จนถึงขณะนี้ยังไม่พบของกลาง พบเพียงหลักฐานเป็นแชทเฟสบุ๊ค ที่ผู้ตายพูดคุยกับนายคิด ซึ่งจากการสอบปากคำยังไม่ได้ความชัดเจนมากนัก ยังต้องขยายผลเพื่มเติม
ส่วนความคืบหน้าคดี “เคนมผง” ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร ล่าสุดวานนี้ (15 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ สืบสวน สน.วัดพระยาไกร ควบคุมตัว น.ส.น้ำฝน หญิงที่ขายยา “เคนมผง” ให้กับแฟนของโคโยตี้สาวที่เสียชีวิตจากกรณี เคนมสด เป็นรายแรก โดยข้อมูลจากทางตำรวจพบว่า น.ส.น้ำฝน ได้เป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดให้กับแฟนของโคโยตี้สาว โดยนัดรับของกันในพื้นที่ของ สน.พหลโยธิน ก่อนที่ฝ่ายชายจะนำยามาเสพร่วมกับแฟนสาวที่บ้านเช่า ช่วงบ่ายวันที่ 10 มกราคม จนแฟนสาวเสียชีวิต และตนเองบาดเจ็บ ดังที่เป็นข่าว
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกถึงการตรวจสอบข้อมูลยาเคนมผง หลังมีผู้เสพจนเสียชีวิตจนมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนผสมว่า หลังการตรวจสอบโดย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส. พบว่า เกือบ 100 เปอร์เซ็นเป็นส่วนผสมของไดอะซีแพม หรือ แวเลี่ยม ที่ใช้ทำยานอนหลับ 
ซึ่งตามปกติแล้ว ยานอนหลับ 1 เม็ด มีส่วนผสมของแวเลี่ยมตามมาตรฐานเพียง 2 มิลลิกรัม แต่สิ่งที่พบในถุงพลาสติกในที่เกิดเหตุนั้นมีจำนวนแวเลี่ยมถึง 1 กรัม ซึ่งสามารถผลิตยานอนหลังได้ถึง 500 เม็ด เมื่อไปดูในที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ที่พบผู้เสพจะมีจำนวนประมาณ 5 คน เท่ากับว่า แต่ละคนได้กินยานอนหลับไปคนละ 100 เม็ด ทั้งที่ในความเป็นจริง เพียง 5 เม็ดก็ถือเป็นอันตรายแล้ว ดังนั้นจึงทำให้ผู้เสพเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
นายสมศักดิ์ ย้ำว่า ปัจจุบันไดอะซีแพมไม่มีขายโดยทั่วไปในท้องตลาด มีเพียงในโรงงานผลิตที่ได้รับการควบคุมโดย อย. เท่านั้น  ขณะนี้จึงได้สั่งการให้ ปปส. เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบโรงงานต่างๆทั่วประเทศ เพื่อห้ามปรามไม่ให้มีการลักลอบนำออกมาอีก
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/nDDOnveOAb8

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ