ควันหลงเลือกตั้ง อบจ. ประชาธิปัตย์ vs พลังประชารัฐ ซัดกันนัว!

เลือกตั้งและการเมือง

ควันหลงเลือกตั้ง อบจ. ประชาธิปัตย์ vs พลังประชารัฐ ซัดกันนัว!

โดย

6 ม.ค. 2564

1.5K views

ควันหลงจากการเลือกตั้ง อบจ. เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมาธิการฯ จากพรรคพลังประชารัฐ กำลังตอบโต้กันพัลวัน

สำหรับสงขลา ผู้ชนะการเลือกตั้งคือผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเอาชนะผู้สมัครที่มีความใกล้ชิดกับพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉือนชนะไปแบบสูสีในโค้งสุดท้าย โดยล่าสุดผู้สมัครที่ใกล้ชิดพลังประชารัฐที่แพ้การเลือก ร้องขอความเป็นธรรมกับนายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมายฯ จากพรรคพลังประชารัฐด้วย

นอกจากนี้นายสิระ ยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางของ อบจ.สงขลา ยุคที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายก อบจ. ที่กำลังเป็นคดีความอยู่ด้วย โดยนำจำเลยในคดีเข้าไปขอดูสำนวนจากตำรวจ

ล่าสุดนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ได้นำนายอิทธิพล ดวงเดือน กรรมการบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ผู้ต้องหาในคดีอาญา 1975/2562 ของ สภ.เมืองสงขลา เดินทางมาพบกับ พ.ต.อ.ภูวรา แก้วภารัตน์ ผกก.สภ.เมือง สงขลา เพื่อไปขอดูสำนวนคดีที่ อบจ.สงขลา แจ้งความดำเนินคดีอาญากับบริษัทเอกชน 2 ราย ได้แก่ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ซึ่งมีนายอิทธิพล ดวงเดือน เป็นกรรมการ และบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ซึ่งมี น.ส. ศศิธร ตั้งตรงคิด เป็นกรรมการ ในข้อหาร่วมกันปลอมเอกสาร และแสดงเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อเข้าประมูลการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางและร่วมกันสมยอมราคาอันเป็นเหตุให้ อบจ.สงขลา ได้รับความเสียหาย

ซึ่งคดีดังกล่าวยังเป็นคดีที่ยังอยู่ในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และมีข้อสังเกตว่า นายสิระ เจนจาคะ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคพลังประชารัฐนั้น มีอำนาจมาขอดูสำนวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องใดๆ กับคดี

อีกทั้งมีข้อน่าสังเกตว่า น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาบริษัทพลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เช่นกัน ดังนั้นการที่นายสิระ ซึ่งเป็น ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาขอดูสำนวนคดีดังกล่าวกับพนักงานสอบสวนด้วยนั้น จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง และบริษัทพลวิศว์ เทค พลัส จำกัดหรือไม่

นายนิพนธ์ ซึ่งเป็นอดีตนายก อบจ. สงขลา ได้กล่าวว่า ข้อเท็จจริงต่างๆ เรื่องนี้อยู่ในสำนวนสอบสวนอยู่แล้ว เหตุเพราะอบจ.สงขลา ได้รับหลักฐานที่ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส และบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค ใช้ประกอบยื่นซองประกวดราคาว่า ทั้ง 2 บริษัท ยื่นเอกสารปลอมต่อ อบจ.สงขลา และน่าเชื่อว่ามีการฮั้วประมูลกัน ก็เป็นเรื่องที่ต้องมีการพิสูจน์ความจริงกันไปตามกระบวนการ

ทุกฝ่ายไม่ควรเข้าไปแทรกแซงการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรจะมีใครใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะขั้นตอนในชั้นพนักงานสอบสวนถือเป็นกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น รวมทั้งในเรื่องนี้ เมื่อ อบจ. และผู้มีส่วนได้เสียได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแล้วก็ขอให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ให้ระวังเพราะถ้าเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงจะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ

"การจะมากล่าวอ้างใดๆ อีกนั้นผมคิดว่าเป็นการไม่เหมาะสม เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นวุฒิภาวะที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ และโดยปกติการกระทำการใดๆ โดยใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบก็หมิ่นเหม่ต่อการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้ต้องบอกให้ชัดว่าทำในนามส่วนตัว หรือทำในนาม กมธ. สภา" นายนิพนธ์ กล่าว

'สิระ' ยันไม่เคยแทรกแซง ตร.เผย คู่กรณี 'นิพนธ์' มาขอให้ช่วยตรวจสอบ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม เตรียมเชิญมาชี้แจงในกมธ.

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าตนลำเส้นพาผู้ต้องหาบุกดูสำนวนโกงรถซ่อมทางนั้น ตนขอชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคือ ตนในฐานะ ประธาน กมธ.กฎหมาย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายอิทธิพล ดวงเดือน กรรมการบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด

เนื่องจากมีความกังวลในรูปคดีจากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เคยพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง เมื่อครั้งนายนิพนธ์ดำรงตำแหน่ง นายก อบจ. สงขลา เมื่อปี 2556 ละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ชนิด 10 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล มีกำลังไม่น้อยกว่า 200 แรงม้า จำนวน 2 คัน งบประมาณ 51 ล้านบาท

นายสิระ กล่าวต่อว่า โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า การกระทำของนายนิพนธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา มีมูลความผิดฐานเป็นความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีพฤติการณ์การกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 79 ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจ และไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป

นายสิระ กล่าวต่อว่า ต่อมานายอิทธิพลก็ถูกแจ้งความในความผิด พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ พรบ.ฮั้ว ซึ่งในข้อหานี้ทางตำรวจไม่มีอำนาจในการสอบสวน ทำได้เพียงรวบรวมหลักฐานเอกสาร เพื่อส่งเรื่องไป ปปช.ภายใน 30 วัน เพราะถือเป็นอำนาจการไต่สวนของ ปปช.แต่ตำรวจกลับมีการสอบสวน เรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา และพิมพ์ลายนิ้วมือ

"ผมไม่ได้ไปขอดูสำเนาการสอบสวนของพนักงานสอบสวน แค่ไปขอความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เขามาร้องเรียน เขาเป็นประชาชนคนธรรมดา มีปัญหาขัดแย้งกับคนเป็นระดับรัฐมนตรี ก็ไม่ผิดหากเขาจะมีความกังวลกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมก็พาเขาไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอเปลี่ยนพนักงานสืบสวน ซึ่งผมทำหน้าที่กรรมาธิการก็ลงไปตรวจสอบ ลงไปดูข้อเท็จจริงข้อ ผมขอยืนยันว่าไม่ได้ไปแทรกแซงการทำหน้าที่ของใคร"

นายสิระ กล่าวต่อว่า ตนจะนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุม กมธ.กฎหมาย เมื่อมีมติรับพิจารณาแล้วก็จะมีการเชิญนายนิพนธ์ นายอิทธิพล อัยการ ปปช.และตำรวจที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ