ศาล รธน. ส่งนิติกรร้อง ปอท. เอาผิดแกนนำม๊อบหมิ่นศาล กรณีบ้านพักหลวง - 'เรืองไกร' ยื่นกมธ.ป.ป.ช.สอบนายกฯ

เลือกตั้งและการเมือง

ศาล รธน. ส่งนิติกรร้อง ปอท. เอาผิดแกนนำม๊อบหมิ่นศาล กรณีบ้านพักหลวง - 'เรืองไกร' ยื่นกมธ.ป.ป.ช.สอบนายกฯ

โดย

4 ธ.ค. 2563

913 views

หลังการออกนั่งบัลลังค์อ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีบ้านพักรับรองทหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ในช่วงเย็นก็ทีการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรซึ่งแกนนำบนเวทีก็ได้ปราศรัยโจมตีและล้อเลียนการทำหน้าที่ของศาลด้วยคำพูดหยาบคาย และการโพสต์ข้อความสื่อโซเชียล โดยในวันนี้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ร้องต่อ ปอท.ให้ดำเนินคดีกับแกนนำผู้ชุมนุมข้อหาหมิ่นศาล ตามประมวลกลหมายอาญา มาตรา 198
เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) ส.ต.ท. มนตรี แดงศรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานนิติการ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ  ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เข้าแจ้งความดำเนินคดี ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ผ่านพ.ต.ท.นิติธร เดชระพีร์ รองผกก.สอบสวน กก.3 บก.ปอท. กรณีกลุ่มราษฎรปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลังมีคำวินิจฉัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ผิดในคดีพักบ้านหลวง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว
โดยนายส.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า  เนื้อหาการปราศรัยของแกนนำตามที่ปรากฏผ่านสื่อโชเชียลเข้าข่ายดูหมิ่นศาล จึงมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เจ้าหน้าปอท. โดยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะพิจารณาว่าการปราศรัยของแกนนำคนใดบ้างเข้าข่ายเป็นความผิด รวมถึงกรณีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของแกนนำกลุ่มราษฎร์ การล้อเลียนการทำหน้าที่ของศาล ซึ่งก็เป็นการดูภาพรวมทั้งหมด
ส.ต.ท.มนตรี เลี่ยงที่จะระบุว่าได้แจ้งให้ปอท.ดำเนินการเอาผิดกับแกนนำคนใดบ้าง อ้างแต่เพียงว่าให้เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนพิจารณา ตนเพียงได้รับมอบหมายให้มาแจ้งความในฐานะที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ความรับความเสียหาย โดยได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วบางส่วน  ซึ่งเบื้องต้นความผิดดังกล่าวเข้าข่ายผิดมาตรา 198 ประมวลกฎหมายอาญา  ส่วนในเรื่องการละเมิดศาล ทางสำนักงานก็กำลังดูอยู่ หลังจากนี้ก็คงจะมีอะไรออกมาอีก
 สำหรับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 กำหนดไว้ว่าผู้ใดดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณา หรือพิพากษาของศาลต้องระวางโทษจำคุกตั้ง1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะเดียวกันนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือต่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่มีความผิด กรณีอยู่บ้านพักกองทัพบก โดยไม่เข้าข่ายการมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือขัดกันแห่งผลประโยขน์
นายเรืองไกรกล่าวว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความผิดกรณีดังกล่าว โดยอ้างระเบียบกองทัพเรื่องบ้านพักรับรองให้ผบ.ทบ.และอดีตผบ.ทบ. สามารถใช้บ้านพักรับรองได้ โดยได้ใช้น้ำ ไฟฟรี แต่สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะอดีตผบ.ทบ.ได้สิทธิพิเศษ เท่ากับรับผลประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพราะอยู่มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 6 ปี บนบ้านเนื้อที่ 2 ไร่ ที่ค่าน้ำ ค่าไฟต้องเกิน 3,000 บาทต่อเดือนแน่นอน
จึงต้องขอ กรรมาธิการป.ป.ช.ให้เร่งสอบสวนข้อเท็จจริง โดยให้เรียกหลักฐานประกอบด้วย คำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คำร้องพรรคเพื่อไทย คำชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ. และพล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. รวมถึงเรียกพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ออกระเบียบบ้านพักรับรองกองทัพบก ปี2548 มาให้ข้อมูลต่อกมธ. เพราะจากการตรวจสอบระเบียบดังกล่าวไม่มีกฎหมายรองรับ และไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้ไต่สวนตามอำนาจหน้าที่ เพราะฟังแล้วแม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะผูกพันทุกองค์กร แต่กรณีกองทัพบกออกระเบียบให้อดีตผบ.ทบ.อยู่บ้านพักได้นั้น ไม่มีกฎหมายใดรองรับ และไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงต้องเรียกพล.อ.อภิรัชต์ พล.อ.ณรงค์พันธุ์ รวมถึงพล.อ.ประวิตรมาสอบถามข้อมูลว่า การที่กองทัพสร้างบ้านพักให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ โดยจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ จะมีประโยชน์ถึงผบ.ทบ.คนปัจจุบันและในอนาคตหรือไม่ การที่กองทัพเอาภาษีประชาชนไปปู้ยี้ปู้ยำถูกฎหมายหรือไม่ ถ้าทำได้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรก็สามารถออกระเบียบเลียนแบบกองทัพสร้างบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯอีก 2คน ได้เช่นกัน ในฐานะทำคุณงามความดีให้ประเทศ การรับเรื่องไว้ตรวจสอบเพื่อให้ประเทศมีมาตรฐานในการดำรงชีวิต ไม่ใช่ให้คนอื่นทำตามกฎหมาย แต่ตัวเองทำตามกฎหมายหรือไม่
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ถล่าวถึงกรณีนี้ว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวผูกพันธ์กับทุกองค์กร ถือว่าจบสิ้นตามกระบวนการแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายได้พิจารณาความถูกต้อง ในการกล่าวอ้างอิงข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการนำไปเชื่อมโยงกับการเมือง เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่ประเทศกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 / เศรษฐกิจ และวางระบบพื้นฐานต่างๆ ซึ่งกำลังดำเนินการไปด้วยดี ไม่อยากให้ขยายผลประเด็นเหล่านี้เพียงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวานนี้ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำวินิจฉัยของศาลแต่อย่างใด ได้โบกมือให้กับนักข่าวแทน อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าท่าทีของนายกรัฐมนตรีดูผ่อนคลายขึ้น
ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/q5J-B8yADj0

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ