ประมวล ‘ม็อบราษฎร’ ชุมนุมห้าแยกลาดพร้าว 'เสี่ยบุ๊ง-ทราย เจริญปุระ' แจงยิบเงินบริจาค

เลือกตั้งและการเมือง

ประมวล ‘ม็อบราษฎร’ ชุมนุมห้าแยกลาดพร้าว 'เสี่ยบุ๊ง-ทราย เจริญปุระ' แจงยิบเงินบริจาค

โดย

28 พ.ย. 2563

1.9K views

‘ม็อบราษฎร’ ชุมนุมห้าแยกลาดพร้าวซ้อมต้านรัฐประหาร พร้อมทำกิจกรรมเคลื่อนกองทัพเป็ดเหลืองเปรียบเหมือนขบวนทหารที่ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจ ปชช.  ‘ไมค์ ระยอง’ ลั่นรัฐประหารจริงขอให้มวลชนม็อบคาร์จอดรถขวางถนนให้เป็นอัมพาต ยึดทุกแยกในกรุงเทพฯ -ปริมณฑล จะทำให้การขนยุทโธปกรณ์ชะงัก ด้าน "รุ้ง" เผยโดนหมายเรียก ม.112 วันเดียว 2 หมายติด
เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า ‘ราษฎร’ นัดรวมตัวชุมนุมใหญ่บริเวณห้าแยกลาดพร้าวในเวลา 16.00 น เพื่อซ้อมต้านรัฐประหาร  ระบุว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมามีกระแสรัฐประหารเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงเป็นสิ่งไม่ควรเกิดขึ้นแต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าไม่สามารถวางใจได้ ประชาชนจะไม่ยอมอีกต่อไปเพราะรัฐประหารคือการล้มล้างการปกครอง
โดย พล.ต.ต. ปิยะ เปิดเผยว่าจากการที่กลุ่มราษฎรได้จัดชุมนุมได้จัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนชุดละ 3 กองร้อยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน 3 ผลัด กองร้อยน้ำหวาน 1 กองร้อย และตำรวจจราจร เพื่อดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย และกังวลว่าการชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว หากยังไม่มีการแจ้งขอเจ้าหน้าที่จัดการชุมนุมตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถตั้งจุดคัดกรองเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมได้ ทำให้เกรงว่าอาจจะเป็นช่องโหว่ให้มีอาวุธ หรือสิ่งผิดกฎหมายเข้าในพื้นที่การชุมนุม และอาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา 
ขณะที่ พล.ต.ต. จิรสันต์ เผยว่าการชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ยังคงเปิดการจราจรตามปกติ เว้นแต่กลุ่มผู้ชุมนุมจะลงไปกีดขวางบนพื้นผิวจราจร ทำให้เกิดผลกระทบจนอาจจะต้องปิดการจราจร 
ซึ่งถนนที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ถนนพหลโยธินขาออก (แยกกำแพงเพชร-แยกรัชโยธิน), ถนนพหลโยธินขาเข้า (ห้าแยกลาดพร้าว-แยกรัชโยธิน), ถนนลาดพร้าว (แยกรัชดา-ลาดพร้าว-ห้าแยกลาดพร้าว), ถนนวิภาวดีฯ ขาเข้า ช่องคู่ขนาน (ถนนหอวัง-ถนนห้าแยกลาดพร้าว) และห้าแยกลาดพร้าว
15.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมราษฎร ทยอยปักหลักรอชุมนุมตามเวลานัดหมายมากขึ้น บางส่วนนั่งอยู่บนทางเท้า สวนสมเด็จย่า 84 และยืนอยู่บนสกายวอล์ครวมถึงภายในห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง การ์ดอำนวยความสะดวกด้านการจราจรก่อนจะทำการปิดเส้นทางเพื่อทำกิจกรรม และมีการตั้งเป็นพยาบาล เต็นท์กองสวัสดิการการ์ดมวลชน โดยการ์ดมวลชนถือโทรโข่งประกาศขอความร่วมมือสื่อห้ามถ่ายภาพเข้าไปภายในเต้นท์ดังกล่าว นำรถกระบะติดตั้งเครื่องขยายเสียงเข้ามาจอด 1 คัน พร้อมทั้งนำรถซาเล้งแดงจำนวน 4 คัน มาจอดไว้บริเวณตอนกลางหน้าห้างยูเนี่ยนมอลล์ เตรียมใช้ปราศรัยวงย่อย ขณะที่พ่อค้าแม่ค้า รถCIA จับจองพื้นที่เพื่อขายของ โดยเฉพาะกิ๊บติดผม ที่คาดผม ตุ๊กตาเป็ดเหลือง เสื้อยืดรูปเป็ด ฯลฯ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการชุมนุม
15.40 น.นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบร์ท  แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี กล่าวว่า ตนเองถือเป็น หนึ่งในราษฎร  ที่เข้าร่วมชุมนุมตามกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ แม้ที่ผ่านมาไม่ว่าใครจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดรุนแรง แต่กลุ่มมวลชนก็ยังยืนหยัดชุมนุมอย่างสันติ อหิงสา
สำหรับการชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว กลัวว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนที่เข้ามาร่วมชุมนุมจะคอยดูแลกัน และไม่ให้เกิดเหตุปะทะระหว่างกัน ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของทีมการ์ด ที่จะมีการป้องกันวางแผนไว้อยู่แล้ว
พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการนำมาตรา 112 กลับมาใช้ในการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ตนไม่เห็นด้วยส่วนในวันนี้ (28 พ.ย.) จะมีกิจกรรมขบวนแรลลี่ ก๊าบ ๆ มีการนัดหลายจุดในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพื่อเคลื่อนขบวนไปที่แยกแคราย  เพื่อกดดันให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก 
16.15 น. พ.ต.อ.อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผู้กำกับการ สน. พหลโยธิน ได้อ่านคำสั่งประกาศว่าการชุมนุมครั้งนี้ ไม่ได้มีการขออนุญาต และประกาศให้ยุติการชุมนุมในเวลา 16.30 น.ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการกฎหมาย
16.30 น. การ์ดผู้ชุมนุมลากโครงหลังคาเก่ามาขวางถนนพหลโยธิน ขาเข้ามุ่งหน้าจตุจักร ส่งผลให้การจราจรถูกบีบจาก 4 เลนเหลือเลยเดียว โดยบังคับเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าวขาออก ขณะที่มวลชนกลุ่มราษฎรเริ่มมามากขึ้น ทำให้ต้องมีการปิดการจราจรถนนฝั่งมุ่งหน้าแยกพหลโยธิน  ตั้งแต่บริเวณ 5 แยกลาดพร้าว มวลชนต่างทำกิจกรรมเปิดเพลงร้องเต้นของแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง ต่อคิวรับอาหารแจกฟรีกระเป๋าผ้าสีดำสกรีนหมุดคณะราษฎร มีข้อความว่า “ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส” และได้นำเป็ดยางสีเหลืองและม้ายูนิคอร์นยางมาสูบลม เพื่อเตรียมความในการชุมนุมครั้งนี้
17.00 น. มีการตั้งเวทีหลัก เครื่องขยายเสียง สำหรับปราศรัยของแกนนำ บริเวณใต้สะพานข้ามแยกลาดพร้าว นำเป็ดยางสีเหลือง 2 ตัว มาวางไว้หน้าเวทีขณะที่มวลชนพากันจับจองพื้นที่ นำพลาสติก เสื่อ มารองนั่งรอฟังปราศรัยนอกจากนี้บนถนนพหลโยธินยังมีการปราศรัยบนรถเป็นจุด ๆ ผู้ชุมนุมสลับกันขึ้นปราศรัย
18.00 น.มวลชนราษฎร นั่งชู 3 นิ้ว ร่วมกันร้องเพลงชาติ จากนั้นพร้อมใจกันอ่านบทกวีชื่อ “ฟ้าสีทอง”“วิสา คัญทัพ” จากนั้นกลุ่มราษฎรได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ด้วยการนำกองทัพเป็ดยางสีเหลืองเป่าลม และตุ๊กตายางเอเลี่ยนสีเหลือง ซานตาคลอส ชูขึ้นเหนือศรีษะและเดินไปเป็นกลุ่ม เคลื่อนไปยังหน้าเวทีหลักที่แยกลาดพร้าว
โดยตัวแทนผู้ชุมนุม ปราศรับบนเวทีว่า “กองทัพเป็ดเหลือง เอเลี่ยนสีเขียวตัวใหญ่ ซานตาคลอส ไม่ต่างจากขบวนทหารที่ทำรัฐประหาร นี่ไม่ต่างจากกองทัพรัฐประหาร  ไม่ต่างจากรถถังที่เข้ามายึดอำนาจของประชาชน รัฐประหารมันน่ากลัวแค่ไหน” เรามาเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ ความเท่าเทียม
ลั่น “นี่คือการซ้อมต่อต้านรัฐประหาร การเมืองไทยทำรัฐประหารมาแล้ว 13 ครั้ง เราจะไม่ยอมให้ทำการรัฐประหารอีกแล้ว หากเกิดรัฐประหารขึ้นอีก จะต่อต้านทุกรูปแบบ และจะไม่ยอมให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญไทยอีกต่อไป ” จากนั้นมวลชนได้ชู 3 นิ้ว ต่อต้านรัฐประหาร ตะโกน”รัฐประหารออกไป ๆ” และตะโกน “ศักดินาจงพินาศ” ซึ่งการปราศรัยสลับกับการแสดงดนตรีเป็นช่วง ๆ 
19.00 น. นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ขึ้นเวทีแสดงดนตรี ขับร้องบทเพลงที่ดัดแปลงเนื้อ พร้อมพูดถึงการสลายการชุมฉีดแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ารัฐสภา ลั่น “ผมยินดีที่ได้สู้รบกับทุกคน” จากนั้นได้ร้องเพลง 1 2 3 4 5 i love you  ขณะที่มวลชนช่วยกันร้องและเปิดแฟลชโทรศัพท์มือถือโยกไปตามเพลง 
19.37 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ขึ้นปราศรัยว่า กานทำรัฐประหารครั้ง 14 ครั้งต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีก ที่ต้องมาชุมนุมห้าแยกลาดพร้าวเนื่องจากเป็นถนนสายหลักที่อาจมีการขนยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อทำรัฐประหาร แนะมวลชนต่อต้านรัฐประหาร หากเกิดขึ้นจริง ให้ทำม็อบคาร์จอดรถขวางถนนให้เป็นอัมพาต  ,ปิดถนนทางเข้า กทม.ทหารจะไม่สามารถขนยุทโธปกรณ์เข้ามาได้,ผูกโบว์ขาวแสดงสัญลักษณ์ตามสถานที่ต่าง ๆ หากถูกแกะก็ผูกใหม่ ,ไม่ทำตามคำสั่งกบฎที่ฉีกรัฐธรรมนูญ  
ลั่น“ทำอย่างไรก็ได้อย่าให้ใครยึดประเทศเราอีก เพราะประเทศนี้เป็นของประชาชน” เราสู้กันด้วยสมอง ด้วยสติปัญญาอย่างสันติวิธี การสู้ของพวกเราทุกวันนี้ เป็นการสู้ที่ตำรวจรับมือไม่ทัน เพราะเราแกงเทโพทุกวัน การต่อสู้การจะเหนื่อยเพราะมาทุกวัน แต่มันเปลี่ยนแปลงขึ้น การรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นหากทุกคนยึดทุกแยกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 
เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ กฎหมายหรือการติดคุกจะไม่เกิดขึ้นถ้าเราชนะกบฏ เมื่อคณะต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นไม่สามารถคุมเราได้เกิน 3 วัน ทั้งนี้ ทุกครั้งที่เรากลัวติดคุกหรือถูกดำเนินคดี แต่เมื่อมีการรัฐประหาร กฎหมายปกติจะใช้ไม่ได้ ดังนั้นต้องอย่าปล่อยให้ยึดประเทศเพราะเป็นของพวกเรา และเราต้องไม่อุดหนุนร้านที่เป็นนายทุน ให้ซื้อร้านโชห่วยแทน
20.00 น.นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที ขึ้นปราศรัยกับมวลชนกล่าวถึงการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ในข้อหา “ยุยงประชาชนก่อความไม่สงบ” ตามหมายจับศาล จ.อุดรธานี จากเหตุชุมนุม “กฐินราษฎร ตลาดหลวง” ที่พระอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563จากนั้นมีสามเณร 2 รูป ขึ้นเวทีปราศรัยด้วย พร้อมระบุว่า “หากจะจับสึกให้มาจับที่ม็อบ เพราะเราคือม็อบของราษฎร”
จากนั้น 21.30 น. น.ส.ปนัสยา  สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ขึ้นปราศรัยว่า ที่ผ่านมาหมายเรียก ม.112 ได้ออกมา เพนกวินโดน 3 หมายเรียก รุ้งโดน 2 หมายเรียก คิดว่าออก ม.112 แล้วเราจะกลัวหรือ ไม่กล้าพูดถึงสถาบันอีกหรือ ไม่เลย หากจับแกนนำ เพดานจะสูงขึ้นๆๆ
21.44 น. ทนายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและแกนนำคณะราษฎร ปราศรัยว่า ตนอยู่ในคุกได้มีเวลาคิดทบทวนว่าพวกเราคิดอะไรเหมือนกัน มาต่อสู้ด้วยอุดมการณ์เหมือนกัน การต่อสู้นี้ เป็นการต่อสู้บน Common Sense หรือ ความคิดขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ เช่น นักเรียนที่ไว้ผมสั้นหรือยาวไม่เกี่ยวกับสติปัญญา การกล่าวว่าผมยาวบังเพื่อนนั้นเข้าข่ายทุเรศ ไม่มีคอมมอนเซนต์ 
ต่อมาเวลา 22.00 น. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ขึ้นปราศรัยว่า ขอบคุณทุกคนที่มาซ้อมต่อต้านรัฐประหาร พร้อมระบุว่าเมื่อ 6 ปี ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยกล่าวว่าไม่มีใครค้านรัฐประหาร แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป เราจะไม่ให้เกิดการรัฐประหารอีก อย่ามาดูถูกประชาชน เผด็จการทหารไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยได้ เราไม่ต้องการรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร หลายคนไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจทางการเมือง
จากนั้น ‘ไผ่ ดาวดิน’ ได้ประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 22.27 น. พร้อมขอให้มวลชนลุกขึ้นเต้นเพลง คิดถึงทุ่งลุยลายและเพลงเอวลั่นปั๊ด พร้อมกัน ย้ำ 3 ข้อเรียกร้องเดิม ก่อนที่มวลชนทั้งหมดจะพากันแยกย้ายทยอยกลับบ้าน
โดยรอบนอกก็มีร้านขายอาหารหรือหน่วciaเตรียมตั้งร้านอยู่รอบนอก และที่ลานเกาะกลางถนน  มีกลุ่มคณะลาบต้านรัฐประหาร จัดกิจกรรม เสี่ยกินก้อย ข่อยกินลาบ และมีการปูเสื่อ ให้มวลชนมาร่วมกินอาหาร โดยมวลชนที่จะมานั่งกินลาบกินก้อยกับคณะลาบนั้น ต้องมีธนบัตรเป็ดที่มีการแจกจ่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยจะมีการแจกจ่ายไว้ที่บริเวณเวทีกลางแยกลาดพร้าว และเวทีย่อยต่างๆ ที่มีกิจกรรมให้เล่น ซึ่งบนธนบัตรนั้นต้องมีตราปั๊มของคณะลาบ 2563 ด้วย นำมาแลกลาบก้อยพร้อมข้าวเหนียวไปนั่งปูเสื่อกินได้ทันที
จากกรณีประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับ เงินบริจาคของกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร และค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการชุมนุม จนเกิดคำถามว่า เงินจำนวนนี้ คนที่นำไปดูแลโปร่งใสหรือไม่ 
เรื่องนี้นายปกรณ์ พรชีวรางกูร หรือ "เฮียบุ๊ง" หนึ่งในแนวร่วมกลุ่มคณะราษฎร เปิดเผยว่า  เรื่องการบริจาคนี้เกอดประเด็นขึ้นมาเนื่องจาก เหตุการชุมนุมที่SCBและมีกร์ดได้รับบาดเจ็บ จึงเกิดคำถามว่า เงินบริจาคที่ได้มาทำไมไม่ไปซื้ออุปกรณ์ป้องกันรักษาความปลอดภัยให้การ์ด ซึ่งตนขอชี้แจงว่า เงินที่ได้มา มีการซื้ออุปกรณ์ป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้การ์ด แต่ไม่มีการนำมาใช้เองทำให้เกิดปัญหา 
ซึ่งจำนวนเงินนั้นบอกไม่ได้ว่ามีจำนวนเท่าใด และไม่ขอชี้แจง เพราะเราไม่เคยเรียกร้องทุกอย่างรายรับ รายจ่าย จัดสรรเป็นระบบ และหากผู้บริจาครายได้ ไม่สะดวกใจก็ขอเงินคืนได้ และตรวจสอบได้ ที่ผ่านมาก็จัดการดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด เหมือนเป็นเจ้าภาพใหญ่ ทั้งตนและคุณทราย เจริญปุระ ไม่ได้มีใครเอาไปใช้ส่วนตัวหรือตามที่ถูกกล่าวหา แต่จากนี้ ในส่วนของตนนั้นหลังวันที่ 2 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป จะลดบทบาท จากการดูแลรายละเอียดค่าใช้จ่ายในภาพใหญ่ ทั้งอาหารของผู้ชุมนุม อาหารการ์ด อาหารแกนนำ และค่าใช้ส่วนอื่นๆ เหลือเพียงการดูแลในส่วนของห้องน้ำ ค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาพยาบาลของผู้ได้รับบาดเจ็บจากการร่วมชุมนุม และอาหารของสตาฟเท่านั้น
สำหรับคุณทราย เมื่อวานนี้ก็นำอาหารเครื่องดื่มมาแจกผู้ชุมนุม ให้ข้อมูลว่า ไม่กังงลเรื่องการตรวจสอบเงินบริจาค เพราะทุกอย่างมีรายละเอียดว่าใช้จ่ายอะไร และใครไม่พอใจก็ขอคืนได้ ที่ผ่านมาก็นำมาดูแลเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และอำนวยความสะดวกผู้ชุมนุม
ขณะที่ในการชุมนุมเมื่อวานนี้ ยังพบว่ามช่วงหนึ่ง มีเยาวชนหญิง 2 คน ถือกล่องขอความช่วยเหลือ โดยเขียนแผ่นป้ายกระดาษว่า ‘หนูโดนไล่ออกจากบ้าน เพราะมาม็อบ ตอนนี้หนูไม่มีเงินแล้วช่วยหนูด้วย'  ตนถูกครอบครัวไล่ออกจากบ้าน เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะทางบ้านไม่เห็นด้วยเรื่องความเห็นต่าง ซึ่ง ตนกับพ่อมีความคิดเห็นทางการที่แตกต่างกัน เวลาคุยกันก็จะทะเลาะกันตลอด 
ซึ่งตนก็จะบอกเสมอ ว่า ขอให้ที่บ้านไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวได้หรือไม่ ตนไม่อยากจะทะเลาะ ที่ผ่านมา ตนเคยไปชุมนุมอยู่ครั้งนึง แล้วพ่อรู้ พอกลับมาจากชุมนุม กลับบ้านปรากฎว่า พ่อล็อคประตูบ้าน ไม่ให้เข้า ตนก็ต้องปีนกำแพงบ้านเอา 
ล่าสุด ตนและพ่อทะเลาะกันแรงมากถึงขั้นพูดคำหยาบ แล้วบอกว่า ปีกกล้าขาแข็งก็ออกจากบ้านไป เราตัดสินใจออกมา แล้วก็มาเจอเพื่อนที่มีปัญหาเดียวกัน ซึ่งการที่ ตนออกมาขอบริจาค ไม่ได้ต้องการรับเงินบริจาคตลอด เพียงแค่ครั้งนี้ ขอเป็นเงินตั้งตนชีวิตของตัวเองเท่านั้น เพราะตนดรอปเรียนแล้ว หลังจากนี้ก็จะหางานทำ
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/B5u6G0SZws4

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ