อดีต หน.ช่างภาพ-นักข่าวช่องดัง รับอึดอัดใจ โดนใบสั่งทำคดีน้องชมพู่ เพื่อเรตติ้ง ก่อนละอายใจขอลาออก

สังคม

อดีต หน.ช่างภาพ-นักข่าวช่องดัง รับอึดอัดใจ โดนใบสั่งทำคดีน้องชมพู่ เพื่อเรตติ้ง ก่อนละอายใจขอลาออก

โดย

17 ก.ย. 2563

3.7K views

คณะอนุกรรมธิการสิทธิเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนและสื่อสาธารณะ วุฒิสภา เชิญนายทรงพล อดีตหัวหน้าช่างภาพข่าวและนายศักดิ์ดา อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลแห่งหนึ่ง เข้าให้ถ้อยคำต่อที่ประชุม ถึงกรณีการนำเสนอข่าวติดตามคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่

ทั้งนี้นายศักดิ์ดา ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวที่ลงพื้นที่บ้านกกกอกนานกว่า 1 เดือน ให้ข้อมูลว่า ลำบากใจในการปฏิบัติหน้าที่ จึงตัดสินใจลาออก เพราะการเข้าถึงสิทธิส่วนบุคคลระหว่างทำข่าวกับชาวบ้าน พร้อมระบุว่า “บางทีชาวบ้านไม่ได้ปฏิเสธแต่เราก็ลำบากใจ เพราะเรื่องที่ถามไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่”

โดยได้รับมอบหมายให้นำเสนอเรื่องความเชื่อ และร่างทรง แต่ไม่สามารถปฏิเสธกองบรรณาธิการได้ ส่วนการนำเสนอข่าวที่สร้างความขัดแย้งของคนในหมู่บ้านจนแตกเป็นสองฝ่ายคิดว่าสื่อมีส่วนสร้างความแตกแยก เนื่องจากเป็นการพูดผ่านสื่อไม่ได้คุยกันโดยตรงจนนำไปสู่ความเข้าใจผิด พร้อมยอมรับว่าถูกกดดันจากทั้งนายจ้างและประชาชนในพื้นที่

ขณะที่นายทรงพลยอมรับว่า อึดอัดใจ ตนไม่ได้อยากออกมาแฉแต่อยากเปลี่ยนกระบวนการทำงานของสื่อมวลชน ไม่ให้โครงสร้างบิดเบี้ยวและอยากให้เสียงถึงผู้ใหญ่ ที่ผ่านมาทางกองบรรณาธิการมีความพยายามที่จะบี้ประเด็น มากับคนทำข่าวที่ลงพื้นที่ ที่จะต้องได้มากกว่าช่องอื่น จึงเป็นการใช้เสรีภาพของสื่อมากเกินความจำเป็น ล่วงเกินเสรีภาพของบุคคล ที่เป็นแหล่งข่าว เพราะโครงสร้างสื่อปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับปากท้องมากกว่าจริยธรรม สาเหตุที่ตนลาออกเพราะรู้สึกละอาย

นายทรงพลยังเปิดเผยถึงกรณีการสัมภาษณ์พระในข่าว ซึ่งไม่ใช่พระในสำนักสงฆ์ ที่กองบรรณาธิการพยายามให้นักข่าวภาคสนาม ไปขอน้องให้ประแสดงอภินิหาร ไปคุยกับต้นไม้และถามว่าเห็นนิมิตรอะไรหรือไม่ ซึ่งตนมองว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมาอ้างว่าคนดูชอบ แต่เป็นการแก้ตัวที่ไม่มีความรับผิดชอบ พร้อมเปิดเผยว่าเคยหารือเรื่องนี้ในองค์กรแบบไม่เป็นทางการแต่อีกฝ่ายกลับไม่เห็นด้วย โดยบอกว่า "ทำแล้วมีคนดู เรทติ้งสูง เม็ดเงินเข้ามา ใครจะอยากเปลี่ยนเรื่อง"

ขณะที่พลโทพีระพงษ์ มานะกิจ ตัวแทนจาก กสทช. ย้ำว่า เป็นเรื่องของทุนสูงสุดในอุตสาหกรรมสื่อ ที่หากำไรกับเรื่องแบบนี้ พร้อมเปิดเผยข้อมูลว่าในปี 2562 ช่องดังกล่าว มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 3 เรื่อง ส่วนปีนี้ยังไม่จบปี มี 6 เรื่องที่ร้องเรียนเข้ามา ซึ่งโทษเป็นการปรับเงิน พร้อมอธิบายว่าการบังคับใช้กฎหมายของ กสทช. เป็นลักษณะขั้นบันได จากการปรับสู่การพักใช้ใบอนุญาตหรือจอดำ ไปจนถึงการเพิกถอนใบอนุญาต

ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าช่องดังกล่าวถูกร้องเรียนถึง 9 ครั้งแล้ว จะดำเนินการขั้นที่เหนือกว่าการปรับหรือไม่ ตัวแทน กสทช.ยืนยันว่าหลังจากนี้หากช่องดังกล่าวถูกร้องเรียนในเรื่องเดิมและรุนแรงกว่า จะไม่ใช้การปรับ แต่จะพิจารณาถึงบทลงโทษอื่น เช่น การพักใบอนุญาตหรือจอดำในรายการนั้นๆ พร้อมฝากถึงประชาชนให้ช่วยร้องเรียนมายัง กสทช.

ทั้งนี้ประธานอนุกรรมาธิการยืนยันว่าจะสรุปประเด็นในเรื่องนี้ ก่อนที่ต้นเดือนหน้า(ตุลาคม) จะเชิญตัวแทนกองบรรณาธิการข่าวและผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าวมาสอบข้อเท็จจริง

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/i9fXSHf_YP4

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ