ความคืบหน้าการติดตามจับหมีควาย หรือ ‘เจ้าแตงโม’ ในพื้นที่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น หลังชาวบ้านพบตัวในไร่มันสำปะหลัง ขู่คำรามใส่เจ้าหน้าที่ หนีเข้าไปในป่าชุมชน ซึ่งเป็นป่าเต็งรัง ใกล้วัดร่องหินลาด บ้านโนนทองหลาง หมู่ 7 ต.สีชมพู ซึ่งมีเนื้อที่ 113 ไร่ เจ้าหน้าที่บล็อกพื้นที่ไว้เพื่อปิดล้อมจับ

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) จับหมีควายสำเร็จแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กว่า 150 นาย ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกณฑ์ชาวบ้านมาร่วมปฏิบัติการปิดล้อมป่าจับหมี เป็นวันที่ 10 ในพื้นที่ดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่ได้ยินหมีควายขู่คำรามอยู่ภายในป่าชุมชนฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งเห็นตัวหมีวิ่งทั่วป่า จึงวางกำลังเข้าปิดล้อมป่าโดยรอบ พร้อมชุดปืนยิงยาสลบ

ทั้งนี้ได้ระดมเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานใน 2 ส่วนหลัก คือ การวางลวดตาข่าย ล้อมตามเขตแนวชายป่าที่คาดว่าหมีควายหลบซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งเดินเท้าเพื่อติดตามหมีควาย บนผืนป่าเนื้อกว่า 100 ไร่ โดยเริ่มจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ของป่า

ซึ่งแบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็นชุด ๆ พร้อมปืนยิงยาสลบ และในแต่ละจุดมีการวางกำลังประจำจุดไว้ ภารกิจนี้เจ้าหน้าที่ทุกชุดใช้ความระมัดระวัง เพราะพื้นที่ค้นหาเป็นป่ารก ไม่ใช่ไร่อ้อยเหมือนบริเวณที่หมีควายหลบซ่อนเมื่อ 2 วันก่อน ที่อยู่ห่างออกไปจากจุดที่พบล่าสุดประมาณ 5 กิโลเมตร

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้วางแผนล้อมรั่วตาข่ายในพื้นที่ป่าช้าวัด ตีวงล้อมกระชับพื้นที่ให้แคบลงเหลือประมาณ 40 ไร่เดินหน้ากระดานไล่ต้อนหมี กระทั่งได้ยินเสียงหมีขู่คำรามดัง 4 ครั้ง ทางทิศใต้ของป่า แล้วก็วิ่งเข้าไปในป่าทางทิศเหนือขู่คำรามดังอีก 1 ครั้ง

หมีวิ่งออกมาทางหน้าวัดและพยายามจะข้ามถนน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดยิงยาสลบจะสามารถยิงลูกดอกใส่หมีควายได้ในทางทิศเหนือของป่าช้าจำนวน 3 ดอก ซึ่งหมีควายหลังจากถูกยิงก็วิ่งหลบหนีไปทางไร่มันสำปะหลังและก็ล้มลง

แต่ยาสลบยังไม่ออกฤทธิ์ หมีควายไม่สิ้นแรง พยายามไล่ทำร้าย เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ที่ยิงยาสลบ จึงต้องกระโดดน้ำเอาตัวรอด จากนั้นยาสลบได้ออกฤทธิ์หมีควายจึงสลบไป หมีตัวดังกล่าวเป็นหมีเพศผู้ ช่วงอายุวัยรุ่น น้ำหนักประมาณ 120 กิโลกรัม พร้อมปฐมพยาบาลให้น้ำเกลือ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวหมีควายใส่กรงแล้วนำไปขึ้นรถ เพื่อนำตัวไปพักฟื้นที่สถานีอนุรักษ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิท่ามกลางชาวบ้านมารอดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่งเสียงเฮลั่น ดีใจที่จับหมีได้ และพากันเข้าไปถ่ายรูปหมี เพราะอยากเห็นหมีตัวดังกล่าว ชาวบ้านจะได้นอนสบาย ออกไปทำการเกษตรได้อย่างสบายใจ และจะได้หายระแวงว่าจะไม่มีหมีออกมาทำร้ายชาวบ้านอีก พร้อมทั้งปรบมือให้เจ้าหน้าที่

นายสุธรรม วงษ์จันทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง กล่าวว่า จากการสังเกตพฤติกรรมของหมีตัวนี้ พบว่า เมื่อเห็นคนในระยะ 10 เมตร จะส่งเสียงขู่คำรามแล้ววิ่งหนีไป จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันตรวจตราในทุกระยะที่เดินเท้าค้นหา ต้องกระชับพื้นที่ให้ได้ เพราะหากหมีควายหลุดออก

ด้านนายอนันต์ ปิ่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น)  ได้ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยกันร่วมมือกันมาตลอดทั้ง 10 วัน ซึ่งหลังจากนี้ต้องให้หมีควายฟื้นฟูร่างกายก่อน เพื่อจะมีการตรวจสอบต่อไปว่าเป็นหมีควายป่าหรือหมีควายเลี้ยง หรือเป็นหมีที่มาจากการค้าสัตว์ป่าหรือไม่

นอกจากนี้นายอภิเดช หมื่นน้อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำพอง เผยว่า ช่วงค่ำของวันที่ 15 ก.ย. ชุดปฏิบัติการเฝ้าปิดล้อมอยู่บริเวณชายป่าฝั่งทิศใต้ ได้ยินเสียงหมีหักกิ่งไม้ แต่ไม่กล้าเข้าไปดู เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะไม่เข้าไปในป่าตอนกลางคืน จึงใช้ไฟสปอตไลท์ส่องเข้าไป จากนั้นก็ได้ยิงเสียงประตูกรงดักสัตว์ทำงานดังแรงมาก

เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่า ประตูกรงดักสัตว์ถูกปิดลง แต่ไม่พบตัวหมี ด้านหน้ากรงซึ่งเป็นซี่กรงเหล็ก และเป็นทางให้สัตว์เข้าไปกินอาหารภายในกรง ถูกหมีควายพังเสียหาย ง้างซี่กรงจนเหล็กงอลักษณะเหมือนแหกกรงดักสัตว์จากด้านนอกเข้าไปเอาอาหารล่อที่อยู่ภายในกรง มีทั้งขนุน แตงโม

นอกจากนี้ พบว่า อาหารที่อยู่ในถุงตาข่ายหายไป พบเศษผลไม้ตกอยู่ในกรง ประตูกรงถูกปิดไว้ คาดว่าหมี น่าจะใช้ไม้เขี่ยถุงอาหารที่อยู่ด้านใน เนื่องจากว่าพบเศษไม้วางอยู่ในกรง หรือมันอาจง้างซี่กรงดักพังเสียหาย แล้วเอื้อมมือเข้าไปเอาอาหารออกมากิน เจ้าหน้าที่ ระบุว่า หมีตัวนี้คงหิวมันฉลาดมาก ฉลาดกว่าหมีทั่วไปหลายเท่า

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/nhlG2XyieBU