'สันธนะ' เปิดหน้า 'เฮียตี้' ยันเป็นเจ้าของบ่อนตัวจริง เชื่อ 'บอย บ้านครัว' ตกเป็นแพะ

อาชญากรรม

'สันธนะ' เปิดหน้า 'เฮียตี้' ยันเป็นเจ้าของบ่อนตัวจริง เชื่อ 'บอย บ้านครัว' ตกเป็นแพะ

โดย

7 ส.ค. 2563

5.3K views

กรณีเหตุยิงสนั่นในบ่อนพนันเฮียตี้ ย่านพระราม 3 เสียชีวิต 4 คน หนึ่งในนั้นคือ พ.ต.ต.วัทธเศรษฐ์ สำเนียงประเสริฐ หรือ สารวัตรแม็กซ์ สว.(สอบสวน) สน.แสมดำ โดยพบว่ากล้องวงจรปิดจากเดิมที่ถูกติดตั้งไว้บริเวณรอบอาคารที่ดัดแปลง ชั้น 1 เป็นสถานที่ลักลอบเปิดบ่อนพนันและภายในอาคาร ถูกถอดออกไปเกือบทั้งหมดเหลือเพียงสายไฟ

ซึ่งต่อมามีการเผยคลิปกลุ่มชายฉกรรจ์ ใช้บันไดปีนขึ้นไปถอดกล้องวงจรปิดที่ติดบนเพดาน และเร่งขนย้ายสิ่งของที่อยู่ในบ่อนออกไป ภาพบางช่วงยังเห็นศพผู้ตายนอนอยู่กับพื้น มีการสั่งนำโซ่มาปิดล็อคประตูเพื่อเคลียร์พื้นที่ด้านในก่อนที่จะเปิดให้ตำรวจ  เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบ และกู้ภัยเข้าเก็บศพ

ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (6 ส.ค.) ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ นำตัวชายคนหนึ่ง (คนที่ยืนขนเก้าอี้) มาสอบปากคำ กันตัวไว้ในห้องสอบสวนไม่เปิดเผยตัวว่าเป็นใคร และไม่ให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ เจ้าหน้าที่ ระบุว่า ชายคนดังกล่าวให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการถอดกล้องวงจรปิดเพื่อทำลายหลักฐานด้วยก็ได้ อยู่ระหว่างสอบปากคำอย่างละเอียด

มีรายงานข่าวว่า บอย บ้านครัว  มือยิงนายถาวร สีสด อายุ 51 ปี ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เช่นกันในเร็ว ๆนี้ พร้อมจะนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ แต่ล่าสุดก็ยังไม่พบตัวนายบอย

สำหรับบอย บ้านครัว นั้นเป็นฉายาในวงการพนัน เบื้องต้นพบว่าเป็นชายอายุ 60 ปี มีประวัติเคยก่อเหตุฆ่าผู้อื่นและชอบเล่นการพนันมาตั้งแต่เด็ก มีนิสัยเป็นนักเลง ซึ่งมักจะเข้าไปเล่นพนันในบ่อนพระราม 3 เป็นประจำ

จากหลักฐานพยาน พบว่า เป็นคนก่อเหตุยิงนายถาวรเสียชีวิตให้การว่าเป็นการยิงป้องกันตัวจากนายถาวร เพราะตอนเกิดเหตุนายถาวร ยิงปืนส่ายไปมา หากไม่ยิงสกัดอาจทำให้มีคนเสียชีวิตมากกว่านี้ สอดคล้องกับการตรวจสอบวิถีกระสุนของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่า การก่อเหตุนั้นมีลักษณะการยิงแบบสะเปะสะปะ

นอกจากนี้ตำรวจจะเร่งติดตามตัว ชาย 3 คน ที่ปีนบันไดช่วยกันถอดกล้องวงจรปิดทำลายหลักฐานในบ่อนช่วงเกิดเหตุซึ่งปรากฎในคลิปและภาพนิ่งที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้รับการประสานติดต่อมอบตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้วทั้ง 3 คน หากไม่เข้าพบตำรวจก็จะออกหมายจับตามภาพ

ด้านนายสันธนะ  ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุลรองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน(รอง ผบก.อคฝ.) รักษาราชการแทน ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดียิงกลางบ่อนย่านพระราม 3

พร้อมระบุว่าส่วนตัวเชื่อว่านายบอย ไม่ได้เป็นคนยิง อาจจะตกเป็นแพะในคดีนี้ เนื่องจากเจ้าตัวเคยต้องโทษคดีอาวุธปืนมาก่อน ซึ่งเป็นเหตุให้คนเชื่อว่าเป็นคนยิง อีกทั้งนายบอย เป็นแค่คนดูแล ไม่ได้ใหญ่เกินกว่าจะคุมบ่อนได้  เจ้าตัวไม่ได้เป็นคนมีฐานะทางการเงิน

เชื่อว่านายบอย ได้รับการช่วยเหลือให้หลบหนีหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตนเพิ่งพบกับนายบอย เมื่อไม่กี่เดือนก่อน โดยหลังจากที่เกิดเหตุดังกล่าว นายบอย ได้ติดต่อมายังลูกน้องของตน ขอให้หาที่กบดานให้ แต่ตนเองไม่ได้รับปาก ซึ่งตนได้คุยกันชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้คุยอะไรกันมาก และไม่ได้เล่าเรื่องอะไรให้ฟัง และไม่ได้เล่าว่าเป็นคนลงมือยิงนายถาวรสีสด หรือไม่ ตนเพียงแค่แสดงความห่วงใยเท่านั้น

ส่วนตัวมีข้อมูลคดียิงในบ่อนย่านพระราม 3 มาตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุทั้งหมด แม้ว่าตนเองจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตรงแต่ยืนยันว่าได้รับข้อมูลมาจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง ที่แจ้งข่าวให้ตนเองทราบตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันเกิดเหตุ จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบในบ่อนตามปรากฏเป็นข่าว

ส่วนนายตี้ หรือเฮียตี้ ตนในฐานะที่เคยให้ข่าวไปว่าเป็นเจ้าของบ่อนแห่งนี้ จึงขอรับผิดชอบด้วยการพาเขามาเฉพาะรูปถ่าย(ไม่ได้พาตัวจริงมา) ซึ่งได้นำรูปถ่ายที่อ้างว่าเป็นเฮียตี้ ไปมอบกับตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานทางคดี ตอนนี้คาดว่าเฮียตี้ ไปอยู่กับผู้ใหญ่ที่ไว้เนื้อเชื่อใจ ตนไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ยืนยันเฮียตี้ เป็นเจ้าของบ่อนพระราม 3 ตัวจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องของสังคม

นายสันธนะ กล่าวต่อว่า ในคืนวันเกิดเหตุนั้น เชื่อว่ามีการยิงปืนโดยทำเป็นปฏิบัติการ โดยมีชายชุดดำ 4-5 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่เข้าไปรัวยิงปืนใส่ ปัดตอบเป็นคนมีสี  ซึ่งก่อนจะเข้าไปในบ่อน มีการดับไฟหน้าทางเข้าก่อน เมื่อก่อเหตุเสร็จแล้วก็หลบหนีออกกันทางประตูหลังบ่อน และส่งสัญญาณให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุตามที่ตนทราบนั้นมีคนได้ยินเสียงปืนเป็นสิบๆ นัด ทั้งๆ ที่มีตำรวจประจำบริเวณจุดเกิดเหตุ

ส่วนกรณีมี พ.ต.ท.ชื่ออักษรย่อ ซ.โซ่ ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พูดถึงนั้น เป็นตำรวจรุ่นใหม่อายุรุ่นหลานแล้ว ชื่อ ‘สารวัตรซัว’ และยังมีตำรวจตำแหน่งระดับผู้กอง ที่มีส่วนพัวพันกับการพนันออนไลน์ด้วย แต่ตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวทั้งนี้ยอมรับด้วยว่า คลิปการขนย้ายข้าวของต่างๆ ในบ่อนตอนเกิดเหตุที่ถูกเผยแพร่ทางโลกออนไลน์นั้นก็เป็นคลิปของตนด้วย

ทั้งนี้ข้อมูลของตนจะแย้งกับตำรวจ ก็ไม่เป็นไร แต่ร่องรอยกระสุนหลักฐานมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ตนยอมรับในคำพูดเพราะมีหลักฐานจึงมาพูด ไม่ใช่เอาสนุก ขอให้จับตาว่าคดียิงกันในบ่อนนี้ดูเหมือนพึ่งเกิดเหตุได้ไม่นาน

แต่ต้องจับตาว่าจะทำสำนวนแบบคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยาหรือไม่ ที่ตนออกมาเพราะ ตนไม่ห่วงตัวเอง แต่ห่วงสังคมมากกว่า เพราะกล้องวงจรปิดรอบบ่อนก็มีมากมาย รู้หมดว่าใครเข้าออกตรงไหน มีรอยนิ้วมือ ถ้าดำเนินการตามข้อเท็จจริง ตนก็ไม่คงมายุ่งเกี่ยว ที่ผ่านมาตนก็เฉยมาตลอด แต่พอดูข่าวเห็นการปิดสื่อสังคม จึงต้องออกมา

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/XnDLEeW_uPk

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ