หมอไม่เชื่อ 'จิตรลดา' ขาดยา เพราะใกล้ถึงวันนัด ครอบครัวเหยื่อลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด เชื่อมีสติตอนแทงเด็ก

อาชญากรรม

หมอไม่เชื่อ 'จิตรลดา' ขาดยา เพราะใกล้ถึงวันนัด ครอบครัวเหยื่อลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด เชื่อมีสติตอนแทงเด็ก

โดย

31 มี.ค. 2563

2.3K views

จากกรณีของ น.ส.จิตรลดา หรือเป็ด ผู้ป่วยจิตเวช ที่ไปก่อเหตุแทงน้องแอม เด็กหญิงวัย 4 ขวบเสียชีวิต ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งประวัติพบว่าจิตรลดานั้นเคยก่อเหตุ บุกไปแทงเด็กนักเรียนโรงเรียนชื้อดังย่านสีลมมาแล้วเมื่อปี 48

ล่าสุดครอบครัวน้องแอม เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับ น.ส.จิตรลดา ถึงที่สุด เพราะเชื่อว่า ขณะก่อเหตุมีสติสัมปชัญญะดี และมีการวางแผนก่อเหตุ โดยเตรียมมีดมาจากบ้าน และออกอุบายสั่งข้าวกล่องถึง 6 กล่อง ก่อนที่จะมุ่งไปที่เด็กนอนอยู่บนแคร่ ห่างจากครัวประมาณ 2 เมตร และเปิดเสื้อขึ้นก่อนใช้มีดแทงแล้วหลบหนีไป

อีกทั้งที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตตามปกติ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับครอบครัวของ น.ส.จิตรลดา รวมถึงร้านที่เกิดเหตุ ยังเป็นที่ดินที่เช่าจากครอบครัวของ น.ส.จิตรลดาด้วย ซึ่งสิ่งที่ครอบครัวมั่นใจว่า ผู้ก่อเหตุไม่ได้มีอาการจิตขณะก่อเหตุ เพราะที่ผ่านมาสามารถขับรถยนต์ได้

ทั้งนี้ครอบครัวทราบประวัติการก่อเหตุของ น.ส.จิตรลดา เมื่อปี 2548 และก็ได้มีการเตือนกันให้ดูแลหลานอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่คาดคิดว่า น.ส.จิตรลดา จะมาก่อเหตุซ้ำอีก นี่จึงเป็นสาเหตุที่ครอบครัวต้องการให้ดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะมองว่าไม่ควรใช้อาการป่วย มาเป็นข้ออ้างในการก่อเหตุ

ด้านผู้กำกับการ สภ.นครชัยศรี เผยว่า หลังเกิดเหตุ น.ส.จิตรลดา หายตัวไป ตำรวจจึงออกตามหาและพบว่าเดินเท้าเหม่อลอย มานั่งที่ห้องแจ้งความ สภ.นครชัยศรี โดยไม่พูดจากับใคร และทิ้งตัว ตำรวจจึงช่วยกันอุ้มตัวไปนอนบนโซฟา ภายในห้องแจ้งความ แต่เมื่อทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็น น.ส.จิตรลดา จึงควบคุมตัวเข้าห้องควบคุม เนื่องจากยังไม่สอบปากคำได้ เพราะมีอาการเหม่อ และไม่พูดจากับใคร

จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. พบว่า น.ส.จิตรลดา มีอาการเกร็ง ตาค้าง ตำรวจจึงนำตัวส่ง รพ.นครชัยศรี ซึ่งทางผู้อำนวยการ รพ. ระบุถึงสาเหตุว่า มีอาการคล้ายเป็นลม เนื่องจากไม่ได้รับประทานอาหาร ต่อมาพบว่า หัวใจเต้นผิดปกติ จึงให้ส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.นครปฐม

ทั้งนี้ร้อยเวร จะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลนครปฐม เพื่อของความเห็นเกี่ยวกับอาการของ น.ส.จิตรลดา ว่าจะสามารถนำตัวไปส่งศาลได้หรือไม่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้ศาลพิจารณา ว่าจะต้องส่งตัวไปรักษาอาการทางจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ หรือ จะดำเนินต่อไป

ขณะที่ทางตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อหากับ น.ส.จิตรลดา เนื่องจากยังไม่มีการสอบปากคำ แต่ญาติก็เชื่อว่าผู้ก่อเหตุคือ น.ส.จิตรลดา เพราะมีดปอกผลไม้ที่ใช้ก่อเหตุ เป็นมีดของที่บ้าน

ด้านแม่ของ น.ส.จิตรลดา บอกว่าตอนนี้เครียด ไม่ขอพูดอะไร เพราะเสียใจกับเหตุการณ์ที่กิดขึ้น ทางด้านพี่สาวได้แจ้งกับครอบครัวน้องแอมผู้เสียชีวิตแล้วว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ทางด้านเพื่อนบ้านที่เช่าที่บ้านของ น.ส.จิตรลดา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาน.ส.จิตรลดา มีอาการเหมือนคนปกติทั่วไป แต่เป็นคนไม่ยิ้ม จะมียิ้มก็แค่มุมปาก หน้าตานิ่งๆ ไม่เคยมีอาการเก้าร้าวหรือทำร้ายใคร ที่ผ่านมาก็เคยมาคุยขอให้ไปติดแอร์ในบ้านให้ และเคยมาขอสก็อตเทปพันท่อประปา ทุกอย่างดูปกติ แต่ในช่วงต้นปีตนไปจ่ายค่าเช่าบ้าน ก็พบว่า น.ส.จิตรลดานั่งเหม่อ นั่งนับก้อนหินเดินไปเดินมา ที่ใต้ต้นไม้ ตอนนั้นตนก็ตกใจ คิดว่าคงมีอาการกำเริบ แต่ก็เห็นแม่ของ น.ส.จิตรลดาพาไปหาหมอเป็นประจำ

ทางด้าน นายสุชิน มฤคพิทักษ์ อดีต ผญบ.ที่เคยดูแล น.ส.จิตรลดา เปิดเผยว่า ตั้งแต่ น.ส.จิตรลดา พ้นโทษออกมา ก็มาอาศัยอยู่กับแม่ มีพี่น้อง 3 คน พ่อแม่ พี่สาว น้องชาย ทุกคนก็ดูแลกันดี ครอบครัวไม่มีปัญหา ช่วงที่พ้นโทษออกมาก น.ส.จิตรลดาอยู่บ้านก็ไม่ได้ไปก่อเหตุเดือดร้อน หรือทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว ใช้ชีวิตปกติ มีมาซื้อน้ำ ขับรถพาแม่ไปตลาด ทำงาน ไม่มีอาการใดๆ

จนกระทั่งช่วงปลายปี 62 ระหว่างที่ทำงาน น.ส.จิตรลดา มีอาการเหม่อลอยและนั่งนิ่งๆอยู่คนเดียว นายกอบต.จึงถามว่าเป็นอะไร น.ส.จิตรลดาบอกว่า ขาดยาไม่ได้กินยา ตอนนั้นก็ประสานให้แม่พาไปรพ. โดยรวมเขาเป็นคนปกติไม่น่ากลัว แต่เป็นคนนิ่งๆ หน้านิ่งไม่สุงสิงกับใคร

ทางด้าน นพ.ศรุตพันธุ์ จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ยืนยันว่าก่อนปล่อยตัว น.ส.จิตรลดากลับบ้าน อาการดีขึ้นเกือบเป็นปกติ แพทย์จึงอนุญาตให้รับยากลับไปอยู่ที่บ้านได้ ซึ่งหลังจากที่พ้นโทษไป น.ส.จิตรลดามีอาการดีขึ้นเกือบปกติ ดูแลตัวเองได้ จึงมีการปล่อยตัวออกไป และติดตามอาการมาตลอด โดยประวัติการรักษาในรอบ 10 ปี พบว่า น.ส.จิตรลดาเข้าออกรักษาตัวในโรงพยาบาล 6 ครั้ง และเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่าน พึ่งออกจากรพ.ไป และนัดมาพบแพทย์ ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ แต่มาก่อเหตุก่อน

ซึ่งจากเหตุที่เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการขาดยา เพราะยาแพทย์ได้ให้ไว้อยู่แล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าเหตุใด ทำไมถึงมีอาการไปทำร้ายผู้อื่นอีก จากนี้ไปทางสถาบันกัลยาฯ ก็เตรียมรับ น.ส.จิตรลดามาดูแล โดยรอรับการส่งตัวจากตร.และแพทย์ รพ.นครปฐม

ส่วนกรณีที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า น.ส.จิตรลดา ป่วยแบบนี้ไม่ควรปล่อยออกมาอยู่ร่วมกับคนในสังคม นพ.ศรุตพันธุ์ ระบุว่า โดยหลักการแล้วแพทย์มีหน้าที่รักษา เมื่ออาการดีขึ้นก็ต้องปล่อยตัวกลับบ้าน เพราะไม่มีอำนาจจำกัดสิทธิคนตามกฎหมาย ซึ่ง น.ส.จิตรลดา อาการดีขึ้นแล้ว จึงอนุญาตให้ไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้ โดยใช้ระบบติดตามตัวโดยทีมแพทย์ ญาติ และชุมชน ผู้ป่วยจิตเวชส่วนใหญ่เมื่ออาการกำเริบก็จะกำเริบคล้ายเดิม หากรักษาต่อเนื่องอาการก็จะดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อคนไข้เริ่มมีอาการ หรือมีสัญญานเตือนก็จะให้นำตัวกลับมาที่โรงพยาบาลทันที

เหตุที่เกิดขึ้นไม่อยากให้สังคมประณาม การกระทำของ น.ส.จิตรลดา ที่ผ่านมาครอบครัวคุณแม่และพี่สาว ดูแลได้ดีมาก และใส่ใจการกินยา การหาหมอ แต่เหตุที่เกิดขึ้นยังไม่แน่นใจว่าเกิดจากสาเหตุใด  ซึ่งคาดว่าวันนี้ (31 มี.ค.)จะส่งตัวจิตรลดามาที่สถาบันกัลยาฯทำการรักษาและเข้าสู่กระบวนการนิติจิตเวช

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า แม้ผู้ก่อเหตุที่มีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวช แต่จำเป็นต้องดูที่เจตนาในการก่อเหตุ และพฤติการของผู้กระทำผิด ตำรวจมีหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริง และพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าในเวลาก่อเหตุ ผู้กระทำความผิดมีสติสัมปชัญญะดีหรือไม่

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/cE9GIqVTHkA

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ