สังคม

‘หมอเหรียญทอง’ ซัด! หลอกลวงสังคม เสพ 'เฮโรอีน' แต่ตรวจยาบ้า หลังผลตรวจเด็ก 14 ไม่พบสารเมทแอมเฟตามีน

โดย petchpawee_k

18 พ.ค. 2567

236 views

ทรายรัชพลเปิดผลตรวจร่างกาย พบ เด็ก 14 ไม่ได้เสพยาบ้า ด้าน 'หมอเหรียญทอง' โพสต์โวย ผู้ต้องหาเสพ 'เฮโรอีน' แต่กลับตรวจ 'ยาบ้า' ลั่น ซี้ซั้ว หลอกลวงสังคม  

ความคืบหน้า ผลตรวจปัสสาวะของเด็ก14 ที่วิวาทกับ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา กรณีไปสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และพบว่า ในกระเป๋ามีผงสีขาว ซึ่งเด็ก 14 ยอมรับว่าเป็นเฮโรฮีน


เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ผลตรวจร่างกายเบื้องต้น ของเด็ก 14 ออกมาแล้ว ปรากฎว่า ไม่พบสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย (ยังไม่ใช่ผลตรวจสารเฮโรอีน)


โดยเฟซบุ๊กของ ทนายรัชพล ศิริสาคร โพสต์ข้อความระบุว่า “ผลตรวจฉี่เด็ก14 ไม่พบสารเสพติด”  พร้อมมีการแนบเอกสาร รายงานผลการตรวจปัสสาวะ ซึ่งเป็นการตรวจหา “เมทแอมเฟตามีน” ปรากฎว่า ผลเป็นลบ คือ ไม่พบ “เมทแอมเฟตามีน”


โดยมีข้อความระบุอีกว่า “คาดเดาว่า เด็กอาจจะถูกหลอกให้ซื้อแป้ง(คาดเดานะครับ) ยังไงรอผลตรวจผงขาวในซองอีกทีครับ”


ต่อมาเวลา 15.50 น. พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า  “ผู้ต้องหาเสพ 'เฮโรอีน' แต่กลับส่งไปตรวจ 'ยาบ้า' แล้วจะไปพบ 'ยาบ้า' ได้อย่างไรกันล่ะครับ ก็ไม่พบ 'ยาบ้า' สิครับ แล้วจะสรุปว่าไม่พบสารเสพติดกันได้อย่างไร ซี้ซั้ว หลอกลวงสังคม ชี้นำผิดๆ สังคมเสื่อมทรามก้าวไกลไปมากแล้วนะครับ


หรือว่านี่คือการช่วยเหลือผู้ต้องหาเพื่อสร้างประเด็นว่าผู้ต้องหาไม่ได้เสพยาเสพติด ทั้งๆที่ผู้ต้องหายอมรับเองว่าเสพเฮโรอีน ไม่ได้เสพยาบ้า  อีกทั้งหากเสพเฮโรอีนตั้งแต่คืนวันที่ 13 พ.ค.67 แล้วมาตรวจในวันที่ 16 พ.ค.67 ก็จะไม่พบสารเสพติดเฮโรอีนแล้วสิครับ


ที่สำคัญ คือ การครอบครองสารเสพติดเฮโรอีนนั้นก็มีความผิดร้ายแรงแล้วนะครับ กำลังสงสัยว่าผู้ต้องหารายนี้มีสิทธิพิเศษจากอิทธิพลนักการเมืองที่สามารถเล่นแร่แปรธาตุผลการพิสูจน์ 'ผงแป้ง' จากเฮโรอีนให้กลายเป็นผงแป้งฝุ่นโรยตีนเสียแล้วสิครับ


นี่แหละครับความน่าสงสัย คลางแคลง ไม่น่าเชื่อถือ หรือว่า นี่คือสิทธิพิเศษในการคุ้มครอง 'ไอ้กุ๊ย วี ไอ พี' ตามกฎหมายคุ้มครอง 'กุ๊ย' ...อุ๊บส์! ขอประทานโทษครับ เรียก 'ไอ้กุ๊ย' ไม่ได้ ต้องเรียก 'คุณชายส้นตีน' ลูก 'คุณหญิงแม่ส้นตีน' แล้วล่ะครับ"

ก่อนที่เวลาต่อมาจะโพสต์ขอความอีกว่า อีกว่า  "การเดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีผมกรณีตบกุ๊ยสูบบุหรี่และเสพเฮโรอีนใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำให้เกิดการปลุกพลังทางสังคมของคนที่ต้องการความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมได้อย่างมากมายมหาศาล


ผลกระทบที่เกิดขึ้นในทางสังคม ไม่ได้ส่งผลเสียต่อผมเลย แต่กลับกลายเป็นการส่งผลดีต่อสังคมหรือส่วนรวมที่อัดอั้นต่อการคุ้มครองเยาวชนจนไม่ใยดีต่อสังคมหรือส่วนรวมที่ต้องการความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย

สังคมโดยรวมอัดอั้นจากการถูกทอดทิ้ง เนื่องจากการคุ้มครองเยาวชนที่กระทำความผิด เช่น กรณีเยาวชนใช้อาวุธปืนยิงกราดในห้างพารากอนจนมีคนตายฟรีโดยไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายในขณะที่เยาวชนผู้ก่อเหตุกลับได้รับการคุ้มครอง หรือแม้แต่กรณีเยาวชนสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล หรืออาคารสาธารณะสร้างความเดือดร้อนต่อส่วนรวมโดยไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครอง แต่เยาวชนผู้สูบบุหรี่กลับได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

ผลกระทบทางสังคมอย่างฉับพลันจากการวางแผนของขบวนการหิวแสงจากผู้สนับสนุนโดยทีมที่ปรึกษาทางกฏหมาย เพียงแค่ไม่ถึง 1 สัปดาห์ได้ส่งผลให้

1. มารดาที่ไม่ดูแล อบรมสั่งสอนบุตร กำลังประสบปัญหาทางสังคม และจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนไม่มีที่ยืนทางสังคม ไม่มีงาน ไม่มีรายได้เลี้ยงชีพ

2. บุตรที่ไม่ได้รับการดูแล อบรมสั่งสอนจากมารดากำลังประสบปัญหาทางสังคมทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนไม่มีที่ยืนทางสังคม ไม่มีงาน ไม่มีรายได้เลี้ยงชีพ และจะต้องอยู่ในวงจรอุบาทว์ คือ ยาเสพติดตลอดชีพ

นี่คือผลพวงของการที่มารดาและบุตรถูกใช้เป็นเครื่องมือ เป็นตัวแทนของขบวนการหิวแสงจากผู้สนับสนุนและที่ปรึกษาทางกฎหมาย

ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่แจ้งความดำเนินคดีกับมารดาและบุตรในขณะนี้ แต่จะปล่อยให้ขบวนการหิวแสงจากผู้สนับสนุนและที่ปรึกษาทางกฎหมายใช้ 'มารดาและบุตร' ไปเรื่อยๆ ทำร้ายมารดาและบุตรเอง

จนในที่สุดทั้งมารดาและบุตรก็จะกลายเป็นขยะสังคมจากการเป็นเครื่องมือ เป็นตัวแทนของขบวนการหิวแสงโดยผู้สนับสนุนและที่ปรึกษาทางกฎหมาย

ผมใช้ปฏิบัติการทางสังคมโต้ตอบขบวนการหิวแสงผ่านทาง 'มารดาและบุตร' ด้วยเช่นกัน ผมไม่ต้องไปหาตัวแทนที่ไหน แต่ผมใช้ตัวแทนของขบวนการหิวแสง คือ 'มารดาและบุตร' ของขบวนการหิวแสงนี่แหละ

แล้วในที่สุดขบวนการหิวแสงจากผู้สนับสนุนและที่ปรึกษาทางกฎหมายก็จะกลายเป็นผู้ทำร้าย 'มารดาและบุตร' เอง นี่คือการประเมินสถานการณ์ของผมในฐานะอดีตผู้อำนวยการกองยุทธการและการข่าว" 


คุณอาจสนใจ

Related News