เด็ก ม.1 แทงเพื่อนร่วมชั้นดับคาโรงอาหาร เลขา กพฐ.ซัด รร.หละหลวมจนเด็กพกอาวุธเข้ามาได้

สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม ร.ต.อ.สมคิด ศรอาจ รอง สว. (สอบสวน) สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธวัชชัย เอาชัย รอง ผกก.สส.สภ.พิบูลมังสาหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พา เด็กชาย อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน ต.อ่างศิลา อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ที่ก่อเหตุใช้มีดแทงเพื่อนนักเรียนชั้น ม.1 เสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณห้องอาหารของโรงเรียน


ทั้งนี้เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. (วันเดียวกัน) เด็กชายผู้ก่อเหตุ และผู้เสียชีวิต เป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน ชั้น ม.1 มีเหตุบาดหมางกันมาก่อน เนื่องจากการมองหน้ากัน ก่อนเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้พกอาวุธมีดมาที่โรงเรียนด้วย จากนั้นในช่วงพักเที่ยง ผู้ก่อเหตุและผู้ตายได้ท้าทายกันไปชกต่อยกันที่บริเวณข้างโรงอาหาร


โดยผู้ก่อเหตุได้พกเหน็บมีดไว้ที่เอว เดินเข้าหาผู้ตายขณะยืนพูดคุยกับเพื่อนอยู่ ผู้ตายได้หันหน้ามาตรงหน้าอยู่ในระยะประชิด จากนั้นผู้ก่อเหตุจึงได้ล้วงเอาอาวุธมีดพกแทงผู้ตายถูกบริเวณหน้าท้องด้านซ้าย แล้วดึงอาวุธมีดออก


จากนั้นผู้ตายได้วิ่งหนีไปบริเวณทางโรงครัว ผู้ก่อเหตุได้วิ่งติดตามไป ระหว่างนั้นผู้ตายล้มหงายหลัง ผู้ก่อเหตุจึงได้แทงบริเวณคอด้านซ้าย จำนวน 1 ครั้ง โดยผู้ตายได้ลุกขึ้นนั่งแล้วร้องบอกว่า ยอมแล้ว ผู้ก่อเหตุจึงได้ทิ้งอาวุธมีด แล้วมีนักเรียนรุ่นพี่มาห้ามไว้พร้อมกับควบคุมตัวไว้ ครูที่อยู่ในโรงเรียนได้นำผู้ตายส่งรักษาตัวที่ รพ.พิบูลมังสาหาร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา


ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้สัมภาษณ์ถึง กรณีเหตุนักเรียนใช้อาวุธทำร้ายร่างกายภายในโรงเรียนจนมีผู้เสียชีวิต เบื้องต้นได้รับรายงานจาก สพม.พื้นที่ ทราบว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนมัธยมประจำตำบล มีนักเรียนประมาณ 700 คน เพิ่งเปิดเทอมได้ ประมาณ 5 วัน ซึ่งคู่กรณีเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งจากประวัติพบว่าเคยมีเหตุทะเลาะวิวาทกันมาเมื่อครั้งที่เรียนประถมศึกษาแต่อยู่กันคนละโรงเรียนต่อมาได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมที่เดียวกันจึงเกิดการทะเลาะวิวาท กันจน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว


ส่วนกรณีของอาวุธมีคาดว่านักเรียนดังกล่าวได้เตรียมมาโดยในวันเกิดเหตุทางโรงเรียนไม่ได้มีการตรวจค้นกระเป๋าจึงทำให้มีอาวุธถูกพกเข้ามาในสถานศึกษา ซึ่งก็ถือเป็นความหละหลวมที่ทางสถานศึกษาละเลย เพราะทางกระทรวงศึกษาธิการได้กำชับมาตรการเรื่องความปลอดภัยโดยจะต้องตรวจค้นกระเป๋านักเรียนก่อนเข้าโรงเรียนเสมอ กำชับให้ครูในโรงเรียนต้องเข้มงวดคอยตรวจสอบความเรียบร้อยภายในโรงเรียนตลอดเวลาโดยเฉพาะช่วงเวลาพักกลางวันที่เด็กจะมาอยู่รวมตัวกันจำนวนมาก


อย่างไรก็ตามขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนักเรียนที่เสียชีวิต ทั้งนี้ได้ประสานสาธารณสุขในพื้นที่ให้เข้าประเมินดูแลสภาพจิตใจของครอบครัวนักเรียนและนักเรียนรายอื่น ๆ ในโรงเรียนแล้ว


สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องการทะเลาะวิวาท เฉพาะบุคคลไม่ใช่เหตุก่อความวุ่นวาย แต่ก็จะดำเนินการตรวจสอบถึงสาเหตุให้ชัดเจน ย้ำว่าตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการสถานศึกษาต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนจึงกำชับให้ทุกสถานศึกษาเข้มงวดเรื่องมาตรการความปลอดภัย