พระปัดตอบถูกสาวบริการเชิดเงิน 3 หมื่น ค้นประวัติพบเคยคุกคามแอร์โฮสเตส

จากกรณีที่เพจอีซ้อขยีข่าว 2 เปิดโพสต์สลิปโอนเงิน ฉบับหนึ่ง ที่มียอดเงินโอนสูงถึง 30,000 บาท โดยมีการระบุว่า เป็นสลิปที่มีพระรูปหนึ่ง โอนเงินเพื่อซื้อบริการจากสาวขายบริการ แต่กลับกลายเป็นแก๊งมิจฉาชีพ สูบเงินและหนีไปโดยไม่ได้แม้เคยเห็นหน้าสาวเจ้า


ทีมข่าวอาชญากรรมช่อง 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบ วัดชื่อดังระดับพระอารามหลวงแห่งหนึ่ง หลังทราบข้อมูลว่าพระรูปดังกล่าวที่ปรากฏในสลิป จำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ โดยขณะที่ทีมข่าวได้เดินทางถึงหน้าวัด พบว่าพระรูปดังกล่าว มีการเดินออกมาบริเวณหน้าวัดและเรียกรถแท็กซี่


โดยทีมข่าวพยายามถ่ายบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ แต่ไม่สามารถทันช่วงเวลาที่ปรากฏใบหน้าของพระรูปดังกล่าว ในเวลาต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่ไปภายในวัดเพื่อ สอบถามถึงกรณีดังกล่าวกับเจ้าอาวาสวัดหรือพระผู้ดูแลวัด แต่เมื่อเดินทางถึงบริเวณหน้ากุฏิเจ้าอาวาส พบว่ากุฏิปิดล็อกอยู่ เมื่อมีการพยายามกดกิ่งเรียกไม่ปรากฏว่ามีพระจำวัดอยู่ภายในกุฏิดังกล่าว


เมื่อสอบถาม พระลูกวัดที่เดินผ่านไปผ่านมาทำให้ทราบว่าเจ้าอาวาสออกไปกิจนิมนต์ตั้งแต่ช่วงเช้ายังไม่เดินทางกลับมา ซึ่งขณะที่ทีมข่าวอยู่ระหว่างการเดินสอบถามพระลูกวัด


เวลาประมาณ 14.10 น. พบว่ามีรถแท็กซี่สาธารณะจอดรออยู่บริเวณหน้ากุฏิเจ้าอาวาส เมื่อตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนที่ได้บันทึกไว้บริเวณหน้าวัดพบว่าเป็นรถคันเดียวกันก่อนที่ในเวลาต่อมาพระรูปดังกล่าวได้เดินออกมาจากอาคารกุฏิ ทีมข่าวจึงเข้าไปสอบถามว่าใช่พระชื่อที่ปรากฏอยู่ในสลิปโอนเงินหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวไม่มีการปฏิเสธ


แต่เมื่อทีมข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุที่มีการโอนเงินไปรวมถึงบัญชีที่ใช้เป็นการใช้เพียงคนเดียวหรือมีบุคคลอื่นใช้ร่วมด้วย เพื่อให้เจ้าตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่กลับได้รับคำตอบว่า ให้รอการชี้แจงจากทางวัด โดยปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใด ๆ กับสื่อมวลชนก่อนที่จะกลับขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรอรับอยู่ออกจากบริเวณวัดไป


เมื่อทีมข่าวพยายามสอบถามว่าจะเดินทางไปที่ใดพระรูปดังกล่าวก็ไม่ได้มีการตอบคำถามใดในประเด็นนี้ ทีมข่าวยังสังเกตว่าภายในมือของพระรูปดังกล่าวมีการ ถือถุงที่เป็นลักษณะการขนของเช่นเสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ นำติดตัวไปด้วยโดยไม่ทราบว่ามีการเดินทางไปที่ใด


ด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า ช่วง 09.00 น. วันพรุ่งนี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมที่สำนักงานพระพุทธศาสนา ถึงประเด็นข่าวฉาววงการสงฆ์ที่เกิดขึ้นหลายประเด็นก่อนหน้านี้ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางการแก้ไข มาตรการในการดำเนินการต่อไป


ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นที่วัดชื่อดังย่านถนนพระราม 4 ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพร้อมเตรียมนำเข้าประชุมในช่วงเช้าวันจันทร์เช่นเดียวกัน


นอกจากนี้ทีมข่าวยังพบข้อมูลว่าในส่วนตัวของพระรูปนี้ เคยปรากฏข้อมูลว่ามีการคุกคามแอร์โฮสเตสสาวสายการบินของไทยแห่งหนึ่งที่ตัวแอร์โฮสเตสสาวประกอบอาชีพขายชาเป็นธุรกิจเสริม และมีข้อมูลว่าพระรูปดังกล่าวได้เข้าไปคุกคามตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 โดยมีการติดต่อซื้อชาโดยให้ผู้เสียหายสาวมาส่งที่วัดที่ตนเองจำวัดอยู่ ก่อนเริ่มมีการคุกคามโดยการติดต่อโทรหา รวมถึงยังเคยมีการบุกไปขึ้นเครื่องที่ผู้เสียหายสาวทำงานอยู่ จนผู้เสียหายสาวต้องเข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจภายในสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา


และทางสำนักพุทธเองก็เคยเข้ามาดำเนินการตักเตือนในการกระทำของพระรูปนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ขณะที่ในส่วนของสลิปดังกล่าวที่มีการโพสต์อยู่ในโลกโซเชียลทีมข่าวตรวจสอบพบว่าในทุก ๆ สลิปและข้อมูลที่มีการแชตพูดคุยกันเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่พระรูปนี้ได้มีการติดต่อซื้อบริการจากสาวไซด์ไลน์แห่งหนึ่ง โดยมีการโอนเงินไปจำนวนทั้งสิ้นห้าครั้งแบ่งเป็นครั้งแรก 1000 บาท ครั้งที่สอง 2000 บาท ครั้งที่สาม 3000 บาท ครั้งที่สี่ 5000 บาท และครั้งสุดท้ายจำนวนเงิน 30,000 บาท ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง


จากการตรวจสอบแชตพบว่าพระรูปนี้ต้องการติดต่อซื้อบริการสาวรายหนึ่ง แต่เมื่อมีการโอนเงินมัดจำจำนวน 1,000 บาทในก้อนแรกไป ทางสาวขายบริการมีการให้ติดต่อไปยังแอดมินผู้ดูแลคล้ายกับพฤติการณ์ของกลุ่มวิชาชีพในการหลอกให้โอนเงิน เพื่อปลดล็อกขอรหัสปล่อยตัว ก่อนที่จะมีการอ้างว่าต้องโอนเงินไปเพื่อปลดล็อกในการโอนเงินคืนต่าง ๆ นานาจนสุดท้ายผู้เสียหายจะไม่ได้เงินคืนเหมือนที่เคยนำเสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้หลายครั้ง


โดยในแชตดังกล่าวทีมข่าวยังพบว่าปลายสายที่มีการพูดคุยกับพระรูปนี้ยังมีการแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการส่งภาพถ่ายพร้อมบัตรประชาชน และอ้างว่าผู้ตนเองทำไปตามขั้นตอนถูกต้อง หากพระไม่มีการโอนเงินไปเพื่อปิดบัญชีจะมีการนำข้อมูลไปแบล็กเมลโพสต์ลงในโซเชียลต่าง ๆ รวมถึงจะแจ้งในความผิดใน พ.ร.บ.คอม อีกด้วย