สังคม

ปัตตานีวิกฤต อ.สายบุรี น้ำท่วมหนัก ทำถนนสายหลักทรุด จนท.เร่งส่งความช่วยเหลือ

โดย panwilai_c

27 ธ.ค. 2566

94 views

สถานการณ์น้ำท่วมอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เข้าสู่วิกฤต เพราะเป็นพื้นที่ปลายน้ำก่อนลงทะเล ปริมาณน้ำท่วมสูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้น้ำท่วมถนนสายเอเชีย สายหลักจากเมืองนราธิวาส ช่วงบ้านละหาร อำเภอสายบุรี ถนนทรุด ต้องห้ามรถทุกชนิดผ่านและให้เลี่ยงไปใช้ถนนริมทะเล ขณะที่การช่วยเหลืออีกหลายจุดยังเข้าไม่ถึง



มวลน้ำจากต้นน้ำสายบุรี ที่ท่วมในอ.รือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ได้ส่งผลกระทบมายังบ้านต้นไทร อำเภอบาเจาะ ที่น้ำท่วมจนต้องปิดถนนสายเอเชีย 1 ช่องทาง รวมถึงท่วมถนนเส้นทางไปยังอำเภอกะพ้อ ถือเป็นน้ำท่วมครั้งแรก ที่น้ำจากแม่น้ำสายบุรี ส่งผลกระทบมายังคลองสาขา ซึ่งจุดนี้ห่างจากแม่น้ำมากว่า 10 กิโลเมตร



เราเดินทางมาตามเส้นทางสายเอเชีย พบว่า ที่บ้านละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จุดนี้ห่างแม่น้ำสายบุรีมา 5 กิโลเมตร น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนเต็มพื้นที่ และน้ำท่วมถนน กระแสน้ำเชี่ยวแรง จนต้องปิดถนน ตั้งแต่บ้านละหาร ที่สะพานกอตอ ไปยังบ้านตะบิ้ง ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ประชาชนที่จะใช้เส้นทางจากเมืองปัตตานี ไปยังเมืองนราธิวาส ต้องเลี่ยงไปใช้ถนนริมทะลแทน



เนื่องจากมีเหตุถนนทรุด บริเวณบ้านละหาร เป็นวงกวาง เจ้าหน้าที่แขวงการทางปัตตานี ต้องนำกระสอบทรายมากั้น ป้องกันแนวทรุด และป้องกันไม่ให้บ้านประชาชนพังเสียหาย เพราะน้ำเชี่ยวแรงมาก และป้องกันไม่ให้ทรุดเพิ่ม ถือเป็นความเสียหายรุนแรง เพราะไม่เคยเกิดเหตุน้ำท่วมถนนสายเอเชีย จุดนี้มาก่อน รวมถึงบ้านเรือนประชาชนในตำบลละหาร อำเภอสายบุรี ก็ไม่เคยเกิดน้ำท่วม มีหลายหมู้บ้านถูกตัดขาด ไม่มีเรือและกำลังเจ้าหน้าที่เพียงพอในการส่งสิ่งของความช่วยเหลือ



น้ำที่ท่วมสูงทำให้ชาวบ้านหลายตำบลของอำเภอสายบุรี อย่างที่ตำบลตะบิ้ง ต้องติดอยู่ตามบ้าน ข้าวของเสียหาย เพราะน้ำไม่เคยท่วมมาก่อน จึงไม่ได้เก็บของ เราลงเรือไปกับมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งนายบิณฑ์​ และนายเอกพัน บัณลือฤทธิ นำทีมพร้อมเรือมาช่วยอพยพ ประชาชน และนำอาหาร น้ำดื่ม ที่เพิ่งได้ทานข้าวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา และได้ไปอพยพนักเรียนโรงเรียนสามารถดีวิทยา จำนวน 26 คน ทั้งหญิงชาย เป็นโรงเรียนประจำที่ไม่คิดว่าน้ำท่วมหนัก แต่ยังเหลืออีกกว่า 50 คน จะระดม หาอาหารมาเตรียมพร้อมหากน้ำท่วมน้ำ



นอกจากนี้ศูนย์ประสานช่วยเหลืออุทกภัยเมืองสาย ซึ่งเป็นอาสาสมัครในพื้นที่รวมตัวกัน แต่ไม่มีเรือ ก็ได้รับการสนับสนุนเรือจากมูลนิธิร่วมกตัญญู นำอาหาร เครื่องดื่ม ไปมอบให้ผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ตามบ้าน และอพยพผู้ประสบภัยจากบ้าน ไปยังฝั่งแยกตะบิ้ง ซึ่งพบว่าน้ำท่วมปิดทางเข้าที่ว่าการอำเภอสายบุรี กลายเป็นเกาะที่มีน้ำล้อมรอบ โดยหลายคนไม่เชื่อว่าจะมีน้ำมากขนาดนี้จึงเตรียมตัวไม่ทัน



ส่วนพื้นที่น้ำท่วมในตำบลตะบิ้ง คืนนี้ไฟดับ ชาวบ้านไม่ได้เตรียมเทียน จึงขาดเทียน และบางหลังยังไม่มีอาหาร เราพบว่าข้างที่ทำการสภ.สายบุรีหลังใหม่ มีอาคารที่กำลังก่อสร้าง กลายเป็นศูนย์อพยพของแรงงาน 35 คน ยังไม่ได้ทานข้าวด้วย รวมถึงชาวบ้านหลายหลัง จึงต้องการให้ระดมอาหารสด ไปช่วยเหลือในช่วงเช้าพรุ่งนี้ด้วย



ช่วงค่ำเรามาสำรวจในเขตเทศบาลตะลุบัน อำเภอสายบุรี ซึ่งต้องขับรถอ้อมจากเส้นทางบ้านตะบิ้งที่ถูกน้ำท่วม ไปใช้เส้นทางริมทะเล จากตำบลบางเก่า อำเภอสายบุรี มาทางตำบลปะเสยะวอ ที่อยู่อีกฝั่งแม่น้ำสายบุรี ซึ่งเป็นเป็นพื้นที่ปลายน้ำแม่น้ำสายบุรี จุดสุดท้ายก่อนออกสู่ทะเล พบว่าน้ำเริ่มเข้าท่วมตลาดสดสายบุรี และบ้านชุมชนจีน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการท่วมในรอบ 62 ปี ตั้งแต่พายุแหลมตะลุมพุก เมื่อปี 2504 โดยชาวบ้านมีการยกของ กั้นกระสอบทรายแล้ว เชื่อว่าน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เห็นจากน้ำเหนือที่ยังมาไม่ถึง แต่ก็คาดการณ์ไม่ถูกว่าจะแค่ไหน อยากให้ส่วนราชการประเมินสถานการณ์ให้ถูกต้อง เพื่อรับมือ เพราะเห็นน้ำเหนือยังมาก ก็เกิดความหวาดกลัว



ที่สายบุรีมีอาสาสมัครวมตัวเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลืออุทกภัยเมืองสาย หลังพบว่าน้ำท่วมในอำเภอรือเสาะและมีฝนมาก แต่ขาดข้อมูลแจ้งเตือนจากราชการ ทำให้ชาวบ้านคาดการร์สถานการณ์ไม่ถูก จนเกิดความเสียหาย และขาดอุปกรณ์และสิ่งของเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย



สำหรับสถานการณ์น้ำในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ปลายน้ำของแม่น้ำสายบุรี ที่กำลังมีน้ำท่วมหนัก พบว่ามีฝนตกสะสม 3 วันตั้งแต่วันที่ 24-26 ธันวาคม สูงสุด 738 มิลลิเมตร ที่อำเภอศรีสาคร 699 และ อำเภอรือเสาะ 606 ถือเป็นปริมาณฝนสะสมสูงที่สุด ทำให้มีมวลน้ำจวนมากเข้าเท่าที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส อ.รามัน จ .ยะลา และที่อ.สายบุรีในขณะนี้ต้องเกิดน้ำท่วมหนัก หากไม่มีน้ำทะเลหนุนสูง รองอธิบดีกรมชลประทานคาดการณ์ว่า น้ำจะลดในอีก 7-10 วัน ซึ่งแม่น้ำสายบุรี ไม่มีเขื่อนหรือโครงสร้างกั้น ทำให้น้ำไหลกระจายไปตามเส้นทาง จึงเกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง



รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีลุ่มน้ำสำคัญนอกจากลุ่มน้ำสายบุรีจะวิกฤตแล้ว ลุ่มน้ำบางนราก็วิกฤต เพราะพบฝนสะสม 3 วัน สูงสุด 838 มิลลิเมตร ที่อ.ระแงะ จ.นราธิวาส สูงมากเช่นเดียวกับลุ่มน้ำสายบุรี ซึ่งนักอุทกวิทยาพบว่าเป็นฝนตกหนักที่มาจากหย่อมความกดอากาศต่ำที่มีโอกาสพบเพียง 0.003 เปอร์เซ็นต์ ในรอบ 330 ปี จึงมีการเตือนภัยไปแล้ว แต่ยากที่ประชาชนจะเชื่อเพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งมาจากปัญหาสภาพภูมิอากาศ



ส่วนแม่น้ำบางนรา ที่ประตูระบายน้ำบางนรา ก่อนออกสู่ทะเลที่อ.เมือง จ.นราธิวาส ปริมาณน้ำมากแต่ฝนหยุดตก ทำให้มวลน้ำที่เข้าท่วมในอำเภอระแงะ ตามเส้นทางน้ำ คลองตันหยงมัส ไหลมายังแม่น้ำยะกัง เริ่มลดลง หากไม่มีฝนหนักมาเพิ่ม รองอธิบดีกรมชลประทาน คาดการณ์ว่าน้ำที่ท่วมในพื้นที่ อ.ระแงะ อ.เมือง ตามเส้นทางน้ำแม่น้ำบางนรา จะเริ่มลดลงใน 7-10 วัน ซึ่งขณะนี้ยังมีน้ำท่วมอยู่ในพื้นที่ตำบลตันหยังมัส อำเภอระแงะ และที่อำเภอเมือง นราธิวาส ส่วนด้านแม่น้ำโกลก ถือเป็นแม่น้ำนานาชาติ มีแนวโน้มลดลงวันละ 20% คาดว่าอีกไม่เกินเจ็ดวันระดับน้ำจะกลับเข้าสู่ระดับตลิ่งทั้งหมด



ส่วนลุ่มน้ำปัตตานี มีฝนมากเช่นเดียวกัน แต่มีเขื่อนบางลาง บริหารจัดการน้ำ และมีเขื่อนปัตตานี ทำให้พื้นที่ต้นน้ำน้ำเริ่มลดลง แต่พื้นที่ปลายน้ำ ที่อ.หนองจิก อ.เมือง จ.ปัตตานี น้ำเริ่มเข้าท่วม และในที่ลุ่ม น้ำอาจจะท่วมนาน คาดว่าอีกไม่เกิน 14 วัน ไม่มีฝนซ้ำ สถานการณ์จะคลี่คลาย

คุณอาจสนใจ

Related News