เปิดปฏิบัติการจับโรงงานลำลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ มาคัดแยกทองแดงส่งกลับต่างประเทศ

ประเทศไทย ยังเป็นปลายทางของการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวนหลายพันตัน ล่าสุดตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ พบโรงงานอย่างน้อย 3 แห่ง ลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำมาคัดแยกทองแดงส่งกลับต่างประเทศ แต่โลหะหนักที่จะส่งผลระยะยาว ต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพระยะยาวถูกทิ้งไว้ในประเทศ


ตำรวจสอบสวนกลาง โดยตำรวจกองบังคับการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจโรงงานต้องสงสัยนำเข้าขยะอิเล็คทรอนิกส์ ที่ ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม ตามหมายค้นศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ทันทีที่ไปถึงพบรถบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์ กำลังจะขับออกจากประตูรั้ว จึงเรียกหยุด เพื่อตรวจค้น


เมื่อเปิดตู้คอนเทรนเนอร์ออกก็พบชิ้นส่วนทองแดง ที่หลอมแล้ว เตรียมส่งไปขาย ส่วนบริเวณรอบโรงงานเต็มไปด้วยถุงบิ๊กแบ็คขนาดใหญ่ ที่บรรจุขยะอิเล็คทรอนิกส์ จำนวนกว่า 1ตัน ซึ่งคาดว่าเป็นขยะโลหะหนักทั้งตะกัว ปรอท แคทเมียม ที่เหลือจากการคัดแยก และทิ้งเป็นขยะไว้


พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กล่าวว่าสิ่งที่น่าวิตกกังวล คือการใช้ประเทศไทยเป็นบ่อขยะ และลักลอบกำจัดทั้งฝัง หรือเผา สารเคมีก็จะกระจายไปทั่ว ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนโดยไม่รู้ตัว


อีกทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ มีกฎหมายห้ามนำเข้าประเทศไทยแล้ว แต่จากถุงบิ๊กแบ็คที่ยึดได้ ทำให้ทราบว่ายังมีการลักลอบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กว่า 1,000 ตัน


โดยอีก 2 โรงงาน ซึ่ง ตำรวจ ปอศ. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมควบคุมมลพิษ ตรวจค้นที่ อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานี นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน แต่มีการตบตาว่ารับซื้อจากรถขายของเก่า


เบื้องต้นพบว่าบริษัททั้ง 3 แห่งผิดประเภททั้งโรงงาน เครื่องจักรไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาต และระบายอากาศไม่ผ่านระบบขจัดมลพิษ


ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบที่มาของตูํ้คอนเทรนเนอร์ขยะ ซึ่งจะสงผลระยะยาวต่อสุขภาพคนไทย