สังคม

'บิ๊กโจ๊ก' ประชุมสางคดีฮั้วประมูล 'กำนันนก' เผยยังไม่พบว่ามีความผิด

โดย panisa_p

19 ก.ย. 2566

23 views

ความคืบหน้าตรวจสอบบริษัทของกำนันนก ล่าสุด รองผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บอกว่า ยังไม่พบความผิดกรณีฮั้วประมูล และถ้าพบว่าผิดจริง ก็ยึดทรัพย์ได้เฉพาะในส่วนที่ผิด ไม่สามารถยึดได้หมด 7 พันล้าน ขณะที่ สตง.ยอมรับว่า เพิ่งตรวจสอบได้เพียงโครงการเดียว และยังไม่พบความผิด



ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 วันนี้ มีการประชุมคณะทำงานตรวจสอบกรณีฮั้วประมูล นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์มาจากประเทศจีน โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือร่วมกัน ทั้งตำรวจภูธรภาค 7 เจ้าหน้าที่จาก สตง. ตรวจสอบเรื่องการฮั้วประมูล เจ้าหน้าที่ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการ เจ้าหน้าที่ ปปท.ตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ ป.ป.ช. และดีเอสไอก็มาร่วมประชุมด้วย



สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 3 จังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ไม่เคยได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต ของกำนันนกมาก่อน แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา สตง. เคยตรวจสอบโครงการต้องสงสัยของกำนันนกมา 1 โครงการ จากทั้งหมด 1,544 โครงการ เป็นโครงการก่อสร้างถนนหลังปี 2560 แต่ในการตรวจสอบก็ไม่พบความผิด



ขณะที่นายเทวา จุฬารี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ บอกว่า ดีเอสไอจะเน้นตรวจสอบโครงการของกำนันนกที่มีมูลค่า 30 ล้านบาทขึ้นไป ตามเกณฑ์ที่เข้าข่ายคดีพิเศษ โดยเบื้องต้นได้สอบพยานบุคคลไปแล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะเข้าข่ายเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งหน้าที่หลักที่ดีเอสไอรับผิดชอบในการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ จะเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ หน้าที่หลักจะตรวจสอบพิจารณาความผิดเรื่องการฮั้วประมูลเป็นหลัก ส่วนจะมีมูลความผิดจริงหรือไม่ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน1-2 วันนี้



ด้านเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ป.ป.ช.มีความพร้อม ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกำนันนก แต่ต้องรอหลักฐานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งข้อมูลที่ตรวจยึดได้มาให้ตรวจสอบ กรณีที่พบว่ามีความผิดปกติ ของการได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือไม่



ขณะที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดเพียง 1-2 คดี ก็สามารถยึดทรัพย์ได้แค่โครงการที่พบความผิดเท่านั้น ไม่สามารถไปยึดทรัพย์ทั้งหมดกว่า 7 พันล้านมาได้ พร้อมฝากไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือรู้มีส่วนเห็น ขอให้เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่



สำหรับกรอบเวลาการทำงานเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ไม่ได้กำหนด แต่จะพยายามทำให้เร็วที่สุด เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบหาพยานหลักฐาน แต่เชื่อว่าถ้าทำผิด ยังไงก็ต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้

คุณอาจสนใจ

Related News