เตือน! ดินถล่มจากสภาพป่าต้นน้ำ 'ดอยม่อนแจ่ม' เปลี่ยนแปลง หลังพบรีสอร์ตหลายสิบแห่งสร้างผิดเงื่อนไข

มีความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวเนื่องจากกรณี การเข้าทำประโยชน์บนดอยม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีเครือข่ายภาคประชาชน ออกมาคัดค้าน ขอให้ภาครัฐทบทวนการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการที่พัก-รีสอร์ท และให้ชะลอการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง



ล่าสุด มีคำเตือนจากสำนักทรัพยากรธรณีเขต 1 ให้ระวังอันตรายจากดินถล่ม ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพป่าต้นน้ำ หลังตรวจพบลักษณะดินและชั้นหินหลายจุดมีรอยแตกร้าว ขณะกรมป่าไม้ ขอความร่วมมือราษฎร ที่ได้รับการผ่อนผันให้ทำกินในเขตป่าป่าสงวนฯแห่งชาติ ปฏิบัติตามกฏหมายและคำนึงผลกระทบทางระบบนิเวศ



เสียงสะท้อนจากเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งมองว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยว จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย มากกว่าการจำกัดสิทธิการใช้ประโยชน์ ที่ให้ทำได้แค่ปลูกผักหรือทำการเกษตร ด้วยเหตุผล เช่น หลายครอบครัว อาศัยทำกินมาก่อนประกาศเขตป่าสงวนฯ ปี 2507 จำนวนประชากรเพิ่มต่อเนื่อง แต่ที่ทำกินมีอยู่อย่างจำกัด



ขณะที่กรมป่าไม้ ได้อธิบายและให้เหตุผล ด้วยลักษณะพื้นที่ม่อนแจ่ม เป็นป่าต้นน้ำในโซนลุ่มน้ำชั้น 1 การจะประกอบอาชีพ หรือ ทำกิจกรรมในจุดที่มีความอ่อนไหวทางระบบนิเวศ จำเป็นต้องมีกติกาและเงื่อนไข เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบทั้งคนบนดอย และประชาชนคนพื้นล่าง



ร่องรอยความเสียหายจากปัญหาดินสไลด์หลายจุด บนถนนที่ตัดผ่านทางขึ้นม่อนแจ่ม เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายฝ่าย หยิบยกมาเป็นประเด็นหารือระดับจังหวัด ซึ่งพบว่าพื้นที่ม่อนแจ่ม อ่อนไหว และสุ่มเสี่ยงหน้าดินพังทลาย การสำรวจโดยนักธรณีวิทยา พบหินแปรและหินอัคนีหลายจุด มีรอยแตกร้าว



สำนักทรัพยากรธรณี เขต 1 อธิบายปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อปัญหาดินถล่ม หลักมี 4 ข้อ

1.ลักษณะหินแตกร้าว

2.ความลาดชันของพื้นที่ โดยเฉพาะภูเขาสลับเนินเขา ความสูงตั้งแต่ 850 ไปจนถึง 1460 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

3.ปริมาณฝน ตั้งแต่ 100 ถึง 300 มิลลิเมตร

4.การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่าต้นน้ำ เป็นสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน



ปัจจุบัน ม่อนแจ่มมีผู้ประกอบการที่พัก-รีสอร์ต 122 ราย มี 36 ราย ที่เข้าข่ายผิดกฏหมาย บางส่วนถูกคดีสิ้นสุด และได้รื้อถอนออกไปแล้ว ส่วนที่เหลือ กรมป่าไม้ได้เน้นย้ำเรื่องกฎหมาย เตรียมหารือกับทุกฝ่าย เพื่อจัดระเบียบการท่องเที่ยวม่อนแจ่มให้มีความสมดุลกับธรรมชาติ