จนท.จับรถบรรทุกลักลอบขน "น้ำมันเถื่อน" ลงใต้กว่า 4.5 หมื่นลิตร เจอปรับ 1.3 ล้านบาท

สังคม

จนท.จับรถบรรทุกลักลอบขน "น้ำมันเถื่อน" ลงใต้กว่า 4.5 หมื่นลิตร เจอปรับ 1.3 ล้านบาท

โดย pattraporn_a

24 ต.ค. 2564

901 views

ศปนม.ตร. จับกุมรถบรรทุกลักลอบขนน้ำมันดีเซลจำนวนกว่า 45,000 ลิตร โดนค่าปรับ 1,350,000 บาท


ตามนโยบายของรัฐบาล ให้ทำการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาจำหน่ายภายในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ภายใต้การอำนวยการของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสรรพสามิต โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.), นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต, ว่าที่ ร.ต.ยงยุทธ ภูมิประเทศ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต, พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ ผบก.รน. ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการ ศปนม.ตร. บูรณาการกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ บก.รน., เจ้าหน้าที่สรรพสามิต และ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ทำการสืบสวนจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมาย


สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 24 ต.ค.64 เวลาประมาณ 00.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ฯ ได้รับแจ้งว่าจะมีรถบรรทุกลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลผิดกฎหมายผ่านมาบริเวณริมถนนสายปากแพรก ดอนสัก ทางหลวงเลขที่ 4142 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ฯ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยจากการตรวจสอบพบรถบรรทุกคันต้องสงสัยขับผ่านมาบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เรียกให้หยุดรถและเข้าตรวจสอบ โดยพบนายธานินทร์ฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) อายุ 30 ปี แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ และพบว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซล จำนวน 40,000 ลิตร มาโดยไม่มีเอกสารการเสียภาษีตามกฎหมายแต่อย่างใด


ต่อมาในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 00.40 น. เจ้าหน้าที่ฯ พบรถบรรทุกต้องสงสัยอีกคันหนึ่งผ่านมาบริเวณดังกล่าวเช่นเดียวกัน จึงได้เรียกให้หยุดรถและทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบนายสมชายฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) อายุ 52 ปี แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ และพบว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซล จำนวน 5,000 ลิตร มาโดยไม่มีเอกสารการเสียภาษีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน


เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษีโดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือคืนภาษี" ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 ม. 203 และดำเนินการเปรียบเทียบปรับที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สุราษฎร์ธานี มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 1,350,000 บาท


จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองให้การว่า ตนมีเพียงหน้าที่ขับรถบรรทุกน้ำมันจำนวนดังกล่าวมาส่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพียงเท่านั้น ไม่ทราบว่าน้ำมันดังกล่าวเป็นของผู้ใด ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News