ทำใจไม่ได้! แม่ซุกเงินล้าน - ทองคำ 5 บาท ในตู้เสื้อผ้า ถูกไฟเผาเกลี้ยง เผยตั้งใจจะเอาไปปลูกบ้านให้ลูก

สังคม

ทำใจไม่ได้! แม่ซุกเงินล้าน - ทองคำ 5 บาท ในตู้เสื้อผ้า ถูกไฟเผาเกลี้ยง เผยตั้งใจจะเอาไปปลูกบ้านให้ลูก

โดย kodchaporn_j

22 ต.ค. 2564

647 views

เปิดใจ เจ้าของเงินล้านซุกตู้เสื้อผ้า ไฟไหม้พร้อมทองคำหนัก 5 บาท ลูกสาวเผย แม่ยังช็อกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


จากกรณี เกิดไฟไหม้บ้านเลขที่ 46/2 หมู่ 4 บ้านเหล่า ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เมื่อเช้ามืดของวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยสาเหตุคาดว่า มาจากไฟฟ้าลัดวงจร และลุกลามไปบ้านใกล้เคียง ได้รับความเสียหายอีก 8 หลัง


โดยเฉพาะบ้านของนายนี สมรฤทธิ์ อายุ 62 ปี ที่ปลูกอยู่ติดกับบ้านต้นเพลิง ทราบภายหลังว่า นางสุมาลี สมรฤทธิ์ อายุ 61 ปี ภรรยา นำเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท รวมทั้งทองคำรูปพรรณหนัก 5 บาท ซ่อนไว้ในกระเป๋าถือ และใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าบนชั้นสองของตัวบ้าน ได้ถูกเพลิงเผาไหม้จนแทบหมดเนื้อหมดตัว


หลังเพลิงสงบ ลูกหลานได้เข้าตรวจสอบ หาเศษธนบัตรและทองคำ ที่คาดว่าจะหลงเหลือเพื่อนำไปให้ทางธนาคารแลกเปลี่ยน ผลปรากฎว่าธนบัตรถูกไฟไหม้จนเป็นผุยผง มีเศษทองคำถูกไฟหลอมละลายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ล่าสุด วันนี้ (22 ต.ค 64) ผู้สื่อข่าวได้พบกับ น.ส.รัตนาวดี สมรฤทธิ์ อายุ 34 ปี ลูกสาว ขณะรอรับถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สอบถามว่าคนในบ้านไม่มีใครรู้มาก่อนไหม ว่าแม่นำเงินสดจำนวนดังกล่าวซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า กระทั่งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้าน ของนางคำบู่ แม่จึงบอกว่ามีเงินสดและทองคำซุกอยู่ในตู้


แต่ในขณะนั้น ไฟไหม้รุนแรงมาก ไม่สามารถเข้าไปนำออกมาได้ ทุกคนต่างยืนมองบ้านของตนถูกไฟเผาจนดำเป็นตอตะโก โดยนางคำบู่ ก็เป็นลมสลบแล้วสลบอีก น.ส.รัตนาวดีเล่าต่อว่า แม่เปิดเผยถึงสาเหตุที่เก็บเงินสดไว้ เพราะตั้งใจจะเอาซื้อที่ดินปลูกบ้านให้ลูก จึงไปเบิกเงินสดจากธนาคารมาเก็บไว้ โดยไม่ยอมบอกให้คนในบ้านรู้แม้แต่คนเดียว


ถึงตอนนี้ นางสุมาลี ผู้เป็นแม่ยังทำใจไม่ได้ และไม่ยอมมาดูสภาพบ้านหลังเพลิงสงบ เพราะยังไม่ยอมรับ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ญาตินำไปดูแลสภาพจิตใจที่อื่นชั่วคราวก่อน


นอกจากนี้บ้านเลขที่ 88 หมู่ 4 มีนายประเพียน สมรฤทธิ์ อายุ 65 ปี เป็นเจ้าของบ้าน และนางไสลา สมรฤทธิ์ อายุ 41 ปี ลูกสาว มีทองรูปพรรณเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าเช่นเดียวกันจำนวน 2 บาท ก็ถูกไฟไหม้หมดเหลือเศษเล็กๆน้อยๆที่เขี่ยหาเจอ จึงเอามาเก็บไว้ในกล่องสังกะสี


และนายวรากร สมรฤทธิ์ อายุ 21 ปี ลูกชายนางไสลา เล่าว่าขณะเกิดเหตุกำลังนอนหลับอยู่ ผู้เป็นย่าก็ร้องตะโกนว่าไฟไหม้ๆ ตนจึงสะดุ้งตื่นหยิบฉวยสิ่งของไหนได้ก็ขนออกมาวางข้างนอก แต่แทบไม่ทันการเพราะไฟโหมแรงมาก ประกอบกับมีลมพัด จึงลุกลามอย่างรวดเร็ว


ส่วนอุปกรณ์ที่เสียหายนอกจากตัวบ้านแล้วก็มีโทรทัศน์ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ ที่นอนหมอนมุ้งไม่เหลืออะไรเลย เหตุการณ์เช่นนี้เพิ่งเจอเป็นครั้งแรกในชีวิต


ด้าน นางกองมณี ป้องทอง อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 196 หมู่ 4 ซึ่งมีบ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้านต้นเพลิง เล่าด้วยความระทึก ว่าลุกขึ้นมานึ่งข้าว เตรียมใส่บาตรพระตอนเช้า ได้ยินเสียงเปรี๊ยะๆดังจากบ้านของ นางคำบู่ ชะโงกหน้าดูเห็นประกายไฟลุกโชน ที่คัทเอาท์ตรงเสาปูนกลางบ้าน ก่อนจะมีไฟลุกไหม้สิ่งของภายในบ้านอย่างรวดเร็ว


ตนจึงร้องบอกคนในละแวกนั้นว่าไฟไหม้ๆ และวิ่งหนีออกจากบ้านยกมือไหว้ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้บ้านตัวเองรอดพ้นจากเพลิงไหม้ครั้งนี้ด้วย แม้สุดท้ายจะไม่โดนไฟเผาเหมือนบ้านคนอื่น แต่รู้สึกตกใจและเห็นใจเพื่อนบ้านที่สิ้นเนื้อประดาตัวจากเหตุการณ์ครั้งนี้


ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาค่าวัสดุซ่อมแซมบ้าน ทางเทศบาลตำบลนาคำ ได้ขอรับการสนับสนุนจาก อบจ.นครพนม และจังหวัดนครพนมตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2563


ซึ่งปัจจุบันมีการตั้งจุดรับบริจาคสิ่งของอุปโภค บริโภค รวมทั้งเงินเยียวยาผู้ประสบภัยขึ้นในพื้นที่ โดยยอดเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2564 รวมทั้งสิ้น 81,466 บาท

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ