เปิดใจเหยื่อถูกดูดเงิน ยันบัตรเดบิต ใช้แค่กดเงิน - 'ดีอีเอส' เตรียมออก กม.คุ้มครองขาช้อปออนไลน์

สังคม

เปิดใจเหยื่อถูกดูดเงิน ยันบัตรเดบิต ใช้แค่กดเงิน - 'ดีอีเอส' เตรียมออก กม.คุ้มครองขาช้อปออนไลน์

โดย sujira_s

19 ต.ค. 2564

504 views

เจออีกแล้ว ผู้เสียหายถูกดูดเงินออกจากบัญชีรวดเดียว 5 รายการ เผยไม่เคยผูกบัญชีกับแอปฯ และไม่เคยใช้บัตรเดบิตไปรูดจ่าย วอนธนาคารรับผิดชอบ ด้าน 'ดีอีเอส' เตรียมออกกฎหมาย คุ้มครองขาช้อปออนไลน์


นางสาว ศิมาพร จินา หรือ กวาง หนึ่งในผู้เสียหายจากการโดนดูดเงินออกจากบัญชีแบบผิดปกติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา มี SMS จากธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งเข้ามาตอน 02.58 น. ว่าธนาคารตรวจพบรายการผิดปกติ จึงอายัดบัตรชั่วคราว พอเข้าไปดูพบว่ามีรายการถูกหักเงินออกไป 5 รายการ ตั้งแต่หลักสิบและหลักพัน สูงสุดคือ 4,103.51 บาท ซึ่งทั้ง 5 รายการ ถูกตัดเงินออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ตั้งแต่ 02.48-02.52 น. เท่านั้น เพียง 5 นาที รวมเป็นเงินประมาณ 5,600 บาท โดยรายละเอียดการทำรายการทั้ง 5 รายการ เป็นชื่อบริษัทที่ไม่คุ้น ไม่รู้จัก และพอเอาชื่อบริษัทที่ตัดเงินไปค้นหาก็ขึ้นว่าไม่สามารถค้นหาหน้าเว็บไซต์นี้ได้


คุณกวางยืนยันว่า บัญชีนี้เป็นบัญชีที่เปิดเอาไว้เพื่อออมทรัพย์ เก็บเงินที่ได้จากการขายของเท่านั้น ไม่เคยทำรายการผูกบัญชีเพื่อตัดบัตรชำระใดๆ และบัตรเดบิตที่มี ก็ไม่เคยนำไปใช้รูดชำระสินค้า บัตรก็ไม่เคยหาย จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เกิดจากเลขหลังบัตร 3 หลักถูกนำไปใช้


เธอยังบอกด้วยว่า ที่และจากกรณีที่เมื่อวานนี้ พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการ สอท. แถลงข่าวว่า อาจเกิดจากสาเหตุ 3 กรณี คือการผูกบัญชีเข้ากับแอปพลิเคชั่น การส่ง SMS หลอกลวง และการใช้บัตรเดบิตรูดชำระในชีวิตประจำวัน ในกรณีของเธอไม่เข้าข่ายเลย จึงต้องการให้ทางตำรวจ ตรวจสอบและสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นให้ครอบคลุมทุกกรณี ไม่ด่วนสรุป


หลังเกิดเหตุ คุณกวางได้ติดต่อไปยัง Call Center ของธนาคาร บอกว่าจะตรวจสอบให้ภายใน 4 วัน ซึ่งครบกำหนดวันนี้ ช่วงเช้าวันนี้ได้มี SMS เข้ามาว่าธนาคารได้คืนเงินให้แล้ว แต่คืนเงินให้ได้เพียงแค่ 3 รายการ ซึ่งไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมจึงตรวจสอบทั้งหมดไม่ได้ และให้รอตรวจสอบเงินใน 1 วันทำการ จนถึงขณะนี้ยอดเงินยังไม่เข้า และอยากให้ธนาคารตรวจสอบติดตามเงินคืนมาให้ครบทั้ง 5 รายการ


พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมกับตัวแทนสมาคมธนาคารไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อวางแนวทางแก้ปัญหากรณีมีการลักลอบหักเงินจากบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือบัญชีเดบิต ของประชาชนจำนวนมาก


พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีผู้เสียหายหลักหมื่นคน ซึ่งบางส่วน ทยอยเข้าแจ้งความกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. และ ศูนย์ปราบปรามการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ศูนย์ PCT แล้ว หากประชาชนคนใดเป็นผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ ก็จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลมาที่ส่วนกลางทันที


ส่วนพฤติกรรมของคนร้ายจะลักลอบนำข้อมูลจากบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต จากการซื้อสินค้าออนไลน์ของประชาชน ไปใช้หักเงินจากบัญชีของผู้เสียหาย ซึ่งตำรวจจะมีการร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาให้ได้ แม้ผู้ก่อเหตุจะเป็นชาวต่างชาติ ก็จะดำเนินการถึงที่สุด เนื่องจาก ถือเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ


ด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงดีอีเอส ได้ยกร่างพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (หรือกฎหมาย คุ้มครองนักชอปออนไลน์) ไว้เรียบร้อยแล้ว เตรียมจะเสนอที่ประชุม ครม. เร็วๆนี้


เนื้อหากฎหมาย จะกำหนดให้ธุรกิจออนไลน์ ต้องจดแจ้งการประกอบธุรกิจ กับกระทรวงดีอีเอส เพื่อคุ้มครอง ทั้งคนซื้อและคนขายก่อนการโอนเงิน โดยจะควบคุมให้การโอนเงินต้องยืนยันตัวตนก่อนโอน 2ชั้น


ชั้นแรกคือ การล็อกอินโดยรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบ และชั้นที่ 2 คือการยืนยันผ่านรหัส OTP ซึ่งจะช่วยป้องกันการตัดเงินในบัญชีลูกค้าโดยตรงได้


ขณะที่ กรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคมฯ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเรียก สมาคมธนาคารไทย และ ธนาคารแห่งประเทศไทย มาชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน ป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกเอาเปรียบจากกลุ่มมิจฉาชีพ


โดย พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีแผนบริหารจัดการปัญหาที่ชัดเจน


ส่วนตัวเห็นว่าควรต้องมีหน่วยงานที่แก้ไขปัญหาให้จบในจุดเดียว โดยเฉพาะ กสทช., กระทรวงดีอีเอส และสถาบันการเงิน รวมถึง ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ, แบงค์ชาติ, ตำรวจ ที่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ไม่ปล่อยให้ประชาชนวิ่งเดินเรื่องหลายหน่วยงาน

คุณอาจสนใจ

Related News