เลือกตั้งและการเมือง

'สรรเพชญ-กาย ณัฐชา' สวนกลับ 'อุ๊งอิ๊ง' ปมพูดถึง ธปท. บนเวที “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10”

โดย weerawit_c

5 พ.ค. 2567

108 views

วานนี้ (4 พ.ค.) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความเห็นจากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในงานของพรรคว่า กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นอิสระจากรัฐบาล ซึ่งการเป็นอิสระจากรัฐบาลนั้นเป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้นทุกปี จากการที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณแบบขาดดุลมาโดยตลอด


นายสรรเพชญได้กล่าวว่าการที่กฎหมายพยายามให้ความเป็นอิสระของ ธปท. นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วและรัฐบาลควรภูมิใจที่มีกฎหมายลักษณะนี้ เพราะเป็นเกราะคุ้มครองรัฐบาลไม่ให้มีข้อครหาในการดำเนินงาน ส่วนการที่ น.ส.แพทองธาร คิดแบบนั้นเป็นการคิดแบบไม่เข้าใจบทบาทของตนเองในฐานะพรรคแกนนำของรัฐบาล เนื่องจากโดยหลักการแล้วการทำหน้าที่ของธนาคารกลางทั่วโลกที่ได้รับมอบหมายคือการควบคุมเสถียรภาพของเศรษฐกิจหรือเงินเฟ้อ ซึ่งต้องรักษาความเป็นองค์กรอิสระให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงและกดดัน อีกทั้งบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา ธปท. เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดความเป็นอิสระและได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง จากความพยายามในการใช้หนี้ IMF ก่อนกำหนด แต่พอผู้ว่าการ ธปท. ในสมัยนั้นไม่เห็นด้วยก็กดดันให้ออกจากตำแหน่งแล้วแต่งตั้งคนใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนายทักษิณได้มาดำรงตำแหน่งแทน สิ่งนี้จึงไม่ควรเกิดขึ้นอีกในอนาคต


นอกจากนี้ในเรื่องของการขาดดุลงบประมาณที่รัฐบาลใช้เป็นวิธีการในการบริหารงบประมาณมาโดยตลอดนั้น สาเหตุเนื่องมาจากรายจ่ายที่ต้องใช้ของรัฐบาลมีมากกว่ารายรับที่ได้รับในแต่ละปี ดังนั้น รัฐบาลควรหาวิธีการที่จะสร้างรายรับใหม่ให้รัฐบาล ไม่ใช้ดึงดันคิดแต่จะทำให้เงินบาทเป็นเงินดิจิทัลแล้วเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินบาทเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาให้ประชาชนเกิดความสับสน ว่าจะมีการตั้งแบงก์ชาติแห่งที่ 2 มาปั้มเงินเข้าระบบอีกหรือไม่ เพราะการกระทำในลักษณะนี้ตนกังวลว่าอาจจะขาดการตรวจสอบและมีความสุ่มเสี่ยงที่จะกระทำผิดกฎหมายฯ และสามารถปั๊มเงินได้โดยที่ไร้การควบคุม เสมือนว่ารัฐบาลอยากจะให้มีธนาคารแห่งประเทศไทยแห่งที่ 2 ขึ้นภายใต้การควบคุมของรัฐบาล


ซึ่งอาจเป็นเพราะรัฐบาลในชุดของนายเศรษฐา ได้รับความเห็นที่ไม่ค่อยอยากฟังเท่าใดนักจาก ธปท. ทั้งในเรื่องของดอกเบี้ยนโยบายและเอกสารที่ได้ส่งความเห็นและข้อสังเกตต่อคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยมีความเห็นหลักๆ ว่าควรให้เฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพและมีแนวโน้มที่จะบริโภคสินค้าภายในประเทศมากกว่าซื้อสินค้านำเข้า และรัฐบาลควรที่จะนำเงิน 500,000 กว่าล้านบาทนั้นไปลงทุนในเรื่องของโครงการที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ การให้เรียนฟรีอย่างแท้จริง


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการ Upskill และ Reskill ให้ประชาชนมีทักษะในการทำงาน สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน หรือการสร้างรถไฟทางคู่ในวงเงินงบประมาณขนาดนี้ก็สามารถพัฒนาได้มากกว่า 10 สาย เป็นต้น สิ่งนี้จะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่า ซึ่งจากความเห็นนี้ถือได้ว่าเป็นความเห็นที่จริงใจกับประเทศและกล้าหาญในการทำหน้าที่ของ ธปท.


นายสรรเพชญ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หากรัฐบาลยังคงดึงดันที่จะทำนโยบาย Digital Wallet โดยใช้แหล่งงบประมาณที่ได้เคยแถลงไปก่อนหน้านี้ว่าจะมีที่มาจาก 3 แหล่ง คือการขยายกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 175,000 ล้านบาท การดำเนินการผ่าน ธ.ก.ส. วงเงิน 172,300 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะรับภาระในการใช้คืนงบประมาณภายหลัง และบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาทนั้น


ตนรู้สึกเป็นห่วงการคลังของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะในปี 2568 รัฐบาลเองก็ต้องตั้งงบประมาณแบบขาดดุลและการขยายวงเงินงบประมาณก็ยิ่งจะทำให้งบประมาณในปี 2568 ขาดดุลเพิ่มไปอีก อีกทั้งรัฐบาลก็ต้องหาเงินมาใช้คืนให้กับ ธ.ก.ส. ก็เป็นการสร้างหนี้ให้รัฐบาลเช่นเดียวกันถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเล่นแร่แปรธาตุว่าเป็นวิธีการบริหารงบประมาณไม่ใช้หนี้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือหนี้ที่รัฐบาลต้องชดใช้เช่นเดิม


นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ส.เเพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ในทำนองเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ บนเวที “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10”

โดยนายณัฐชา กล่าวว่า ความจริงแล้ว งานแสดงผลงานที่ช่วงชิงอำนาจจากผู้ชนะการเลือกตั้งมา 10 เดือนนั้นไม่แปลกใจสำหรับคนที่ทำจัดงานเพื่อแก้ตัว แก้ต่างให้ตัวเอง แต่การพูดบนเวที ในเรื่องที่ไม่ควรพูด ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


ซึ่งทั่วโลกเขารู้ว่านโยบายทางการเงินนโยบายทางการคลัง ไม่มีการแทรกแซงกัน วันนี้หลายคนอาจรู้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ อาจไม่ค่อยชอบผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และยิ่งตอกย้ำไปกันใหญ่ว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยพูดแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นสคริปต์ที่เตรียมเอาไว้ หรือเพิ่งฟังกันในวงกาแฟหน้าห้องพรรคเพื่อไทย ที่ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยอาจพยายามที่จะทำอย่างไรก็ได้ ที่บีบผู้ว่าฯ ธปท.ให้เห็นด้วยกับนโยบายของตนเอง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น การจัดเวทีแสดงผลงานไม่ควรที่แสดงออกมาแบบนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ประชาชนคนไทยเดือดร้อนแต่มีนักลงทุนต่างชาติที่ดูอยู่ด้วย


เมื่อถามว่าการพูดนี้ ถือว่าเป็นการโยนบาป ให้กับธปท.หรือไม่ นายณัฐชา ตอบว่ามีแต่คนไร้ความสามารถที่ที่โทษเรื่องราวต่างๆ ให้คนอื่น แทนที่จะพิสูจน์ด้วยข้อมูลว่าตัวเองนั้น พยายามผลักดันนโยบายนั้นนโยบายนี้ เพราะอะไร และเป็นผลบวกต่อประเทศอย่างไร ไม่ใช่ใช้เวที ทุกเวที ในการด้อยค่า ต่อว่า ป่าวประกาศ ว่าทุกอย่างเป็นความผิดของอีกคนหนึ่ง ซึ่งคนที่มีความสามารถความรู้เขาจะไม่ทำกัน เราเห็นนายกฯ ในหลายๆ เวทีแล้ว ที่มีปัญหากับผู้ว่าฯ ธปท. แต่วันนี้ หนึ่งในผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทยเอง มาพูดแบบนี้ตนคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และยิ่งตอกย้ำเหมือนที่ตนเคยอภิปรายไปว่า นายกฯ มีโรคขาดวุฒิภาวะ โดยมีองค์ประกอบอยู่หลายข้อ หนึ่งในนั้นก็คือ โรคปากเปราะ แต่ที่เพิ่มเติมมาวันนี้คือมีหัวหน้าพรรคปากพล่อย อีกต่างหาก


https://youtu.be/gPDVbTeTkSA

คุณอาจสนใจ

Related News