เลือกตั้งและการเมือง

เบื้องลึก 'ปานปรีย์' ลาออก รมว.ต่างประเทศ ยันไม่น้อยใจ ชี้เหลือตำแหน่งเดียวทำงานยาก

โดย nattachat_c

29 เม.ย. 2567

55 views

วันที่ 28 เม.ย. 2567 ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งรัฐมนตรี ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1/1 นั้น ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่ง มีรัฐมนตรีหน้าใหม่ป้ายแดงเข้ามารับตำแหน่ง และสลับตำแหน่งรัฐมนตรี


อย่างไรก็ตาม หลังมีประกาศเกี่ยวกับการปรับครม.เศรษฐา 1/1 ได้ไม่กี่ชั่วโมง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ระบุใจความว่า


กราบเรียน นายกรัฐมนตรี ตามที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีบางตำแหน่ง และปรากฏว่าผมยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่เพียงตำแหน่งเดียวนั้น


ผมมีความประสงค์จะขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2567 เพื่อเปิดทางให้ท่านอื่นเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน


สาเหตุของการปรับผมออกจากรองนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ผมเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับผมไม่มีผลงานแน่นอน เพราะผมทุ่มเทการทำงานด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และตั้งใจทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์


มีนักลงทุนต่างชาติสนใจ มาลงทุนมากขึ้น ตามที่รัฐบาลได้แถลงผลงานไปแล้ว จนสามารถตอบสนองต่อนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกอย่างเด่นชัด วันนี้ไทยหวนกลับมาขึ้นบนจอเรด้าของโลก มีมิตรประเทศเพิ่มขึ้น และมีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนในไทยมากขึ้น


นอกจากนั้น การให้ความสำคัญกับคนไทยในต่างประเทศ ผมยังไปเจรจาด้วยตัวเอง เพื่อนำคนไทยผู้ถูกจับเป็นตัวประกันในอิสราเอลกลับไทยได้ถึง 23 คน แรงงานไทย 8,000 คน และจากเล่าก่าย ในเมียนมาอีก 1,000 คน เปิดวีซ่าฟรีกับหลายประเทศ เพื่อคนไทยมีความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น


การให้ความช่วยเหลือต้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมา พื้นความสัมพันธ์กับอาเชียน สหภาพอียู อินเดีย และประเทศมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐอเมริกา และจีน จนเกิดการเจรจา ลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ในประเทศไทยอีกด้วย


สุดท้ายนี้ ผมหวังว่า การปรับคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะช่วยให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพมากขึ้น โปร่งใส และรักษาผลประโยชน์ของชาติต่อไป ขอขอบพระคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้โอกาสผมได้ทำงานกับรัฐบาลนี้มาช่วงเวลาหนึ่ง

-------------------

วานนี้ (28 เม.ย. 67) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีการส่งหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ


โดยยืนยันว่า หนังสือฉบับดังกล่าวเป็นหนังสือจริง ซึ่งตนเพิ่งยื่นให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ โดยเหตุผลเป็นไปตามที่เนื้อหาในหนังสือระบุไว้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการ ในเมื่อตนทำงานในตำแหน่งหนึ่งด้วยความเรียบร้อย ซื่อสัตย์ สุจริตและมีผลงานประจักษ์ชัดเจน แต่วันดีคืนดีกลับถูกโยกย้ายไปในตำแหน่งที่น้อยกว่าเดิม เสมือนว่าตนทำอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่ตนจะต้องอยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป


พร้อมให้เหตุผลว่า การมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีพ่วงด้วย ถือว่ามีความสำคัญ เพราะการเดินทางไปต่างประเทศ ไปเจรจาความใด ๆ จะมีความราบรื่นมากขึ้น แต่เมื่อเหลือเพียงตำแหน่งเดียว อาจทำให้งานไม่รวดเร็ว หรือราบรื่นเท่าที่ควร ดังนั้น  หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่ามีคนอื่นที่เหมาะสมกว่า ก็ให้มาทำงานแทน ยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจอะไร ตรงกันข้ามกลับภูมิใจที่ได้ทำงานให้บ้านเมืองในระยะหนึ่ง และมีผลงานมากมาย


ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนจะมีการปรับเปลี่ยน นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ทราบเพียงว่าการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนก็ไม่ได้สอบถามอะไรต่อ แต่ก็จับสัญญาณได้จากกระแสข่าวที่ออกมา ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ได้แต่รอดูผลว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร


เมื่อถามว่า การลาออกจะกระทบกับงานที่เดินหน้าอยู่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ไม่ เพราะคนอื่นสามารถทำแทนได้ อีกทั้งตนได้วางแผนงานไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ทั้งเรื่องการขอเข้าเป็นสมาชิกองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (OECD) และงานอื่น ซึ่งเชื่อว่าคนที่จะมาสานงานต่อ ก็สามารถที่จะทำงานต่อไปได้


เมื่อถามว่า ตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศที่ว่างลง จะมีผลทำให้ต้องปรับ ครม. และรอถวายสัตย์ในคราวเดียวกันหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะทำหน้าที่รักษาการ และทำงานต่อได้ เมื่อถามว่า หากได้รับมอบหมายให้ทำงานอื่นช่วยรัฐบาลยินดีจะทำหน้าที่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ยังไม่รับตำแหน่งใดๆ


เมื่อถามว่า หลังจากยื่นหนังสือลาออกแล้ว มีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาทักท้วงหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่มีใครทราบล่วงหน้า แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็เพิ่งทราบเมื่อสักครู่นี้ เนื่องจากตนเกรงว่า หากแจ้งนายกรัฐมนตรีล่วงหน้าแล้วท่านขอให้อยู่ต่อก็จะลำบากใจ เพราะตนตัดสินใจแล้วว่าจะลาออกแน่นอน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายปานปรีย์ให้สัมภาษณ์ ได้อยู่ระหว่างการพักรักษาตัวด้วยอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เออยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการไข้ หลังจากเดินทางไปปฏิบัติภารกิจยังต่างประเทศและเดินทางต่อไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก รวมถึงให้การรับรองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และนายกรัฐมตรีบังกลาเทศต่อ ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั้งหนาวและร้อนจัด

------------------

นายวิม รุ่งวัฒนจินดา คณะทำงานนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่า


ทันทีที่รู้ข่าวการลาออกจากทุกตำแหน่งของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ในรัฐบาลเศรษฐา 2 รู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่แปลกใจ


ตกใจกับการตัดสินใจ ที่เกิดขึ้นหลังมีพระบรมราชโองการฯ ซึ่งไม่เคยมีใครกระทำแบบนี้มาก่อน เพราะมันไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธตำแหน่งเพียงอย่างเดียว


แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะ ท่านอาจมีเหตุผลส่วนตัว บางอย่างที่เราไม่สามารถหยั่งรู้ได้


ปฎิเสธตำแหน่งหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ และมีหนังสือลาออก ทันทีที่ประกาศในราชกิจจาฯ มันเป็นเรื่องใหญ่ มั้ยครับ

----------------

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ทวีตร่ายกลอนว่า 


“มาง่าย ไปง่าย แบบไร้ฐาน

ยึดตัวเอง คือหลักการ สะท้านไหว

เบาเหมือน ปุยนุ่น ลอยล่องไป

ยังไม่เห็น แก่นใน ใจปลาซิว…

ใจปลาซิว….

28 เมษายน 2567”

----------------

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้ทวีตข้อความว่า


ขอชื่นชม ต่อจุดยืนในหลักการ และการรักษาศักดิ์ศรี ของท่านอดีตรองนายกฯปานปรีย์ และขอให้กำลังใจท่านในฐานะมิตร   ขอชื่นชมในผลงานของท่านที่ผ่านมา


#ปานปรีย์

----------------

นายพายุ เนื่องจำนงค์ ได้ทวีตข้อความว่า


มุมมองส่วนตัว: จากเหตการณ์ที่เกิดขึ้นหลังมีประกาศราชกิจจาปรับ ครม. ในวันนี้.. อาจจะเกิดภาวะทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งสมหวัง ผิดหวัง ตามที่เราอาจจะชื่นชอบ ท่านไหนเป็นการส่วนตัว ซึ่งเกิดได้ไม่แปลกแต่อย่างใด.. แต่สิ่งที่อยากกระตุ้นเตือนทางความคิดกับทุกๆคนก็คือ เราต้องไม่ลืมหลักการที่ว่าอำนาจในการปรับ ครม. เป็นอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญของ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองเป็นไปโดยราบรื่น เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก แทนความต้องการรายบุคคล..


ซึ่งการลาออกของ คุณปานปรีย์ จาก รมว. กระทรวงต่างประเทศ ในวันนี้โดยเข้าใจว่าเป็นการส่งหนังสือลาออกผ่านทางสื่อมวลชน มิได้ส่งให้กับ ท่านนายกฯ เสียก่อน.. ซึ่งทาง คุณปานปรีย์ ให้เหตุผลผ่านการสัมภาษณ์ว่าที่ท่านต้องลาออก เป็นเพราะท่านมองว่าตัวท่านเองทำงานได้เป็นอย่างดีไม่มีข้อบกพร่อง.. แต่การถูกปรับให้เหลือเพียงตำแหน่ง รมว. กระทรวงต่างประเทศ ทำให้ท่านรู้สึกว่าไม่ตรงตาม “หลักการ” ของท่านเพราะกลัวทำงานยากถ้าไม่มีตำแหน่งรองนายกฯพ่วง จึงขอลาออกเพื่อเปิดทางให้ผู้ที่เหมาะสมกว่าเข้ามาทำหน้าที่


ทั้ง ๆ ที่ ในขณะเดียวกัน ท่านนายกฯเศรษฐา ก็มีการปรับในส่วนของท่านเองด้วย โดยการสละตำแหน่ง รมว.กระทรวงการคลัง และมีการแต่งตั้ง คุณพิชัย ชุณหวชิร เข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงการคลัง และรองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ที่แต่เดิม คุณปานปรีย์ ดูแลด้านนี้อยู่.. ไม่ได้เกี่ยวกับคำว่า “บกพร่อง” แต่คือความ “เหมาะสม” เพื่อสร้าง efficiency ในการทำงานของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลเศรษฐา..


ถ้าเรามองจากมุมนี้ก็จะเห็นว่าสิ่งที่ ท่านนายกฯ เลือกในการปรับ ครม. ครั้งนี้ คือการบริหารจัดการเพื่อการปรับเรื่องเศรษฐกิจเป็นวาระสำคัญ ท่านนายกฯ ยังยอมที่จะสละเก้าอี้ รมว. กระทรวงการคลัง ที่สำคัญไม่แพ้กันกับงานส่วนรองนายกฯของ คุณปานปรีย์ แล้วมอบหมายงานด้านเศรษฐกิจทั้งหมดให้กับ คุณพิชัย แทนเพราะ ท่านนายกฯ ย่อมเห็นว่างานด้านเศรษฐกิจทั้งหมดถ้าอยู่ในอำนาจสั่งการจากคนเดียวที่เหมาะสมแบบ “single focus” เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงานได้อย่างสูงสุด


จากสิ่งที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่าท่านนายกฯ ที่ส่วนใหญ่ก็เห็นพ้องกันว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจคนนึงของประเทศไทย แต่ด้วยหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ที่มีมากมายและอาจทำให้งานที่ กระทรวงการคลังอาจดำเนินไปได้ไม่ถึงตามที่ ท่านนายกฯ คาดหวัง และนี่คงเป็นเหตผลเดียวกันในการลดภาระให้แก่ คุณปานปรีย์ ดำรงตำแหน่ง รมว. กระทรวงต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียวเพื่อที่ จะได้โฟกัสการทำงานด้านต่างประเทศที่ในสภาวะปัจจุบันมีความต้องการความใส่ใจสูง อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องคอยพะวงกับงานด้านเศรษฐกิจบางหน้าที่อาจจะไม่ใช่ส่วนที่ท่านมีเวลาหรือถนัด..


เพราะเช่นนั้นประเด็นเรื่องทั้งหมดนี้ อยากจะขอให้เข้าใจตรงกันว่าเกิดจากการที่ ท่านนายกฯ นั้นมองผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญที่สุด แม้อาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ popular แต่ก็ไม่ได้เป็นการ “หลับหูหลับตา” ทำด้วยอารมณ์.. ถึงแม้ผมเองจะรู้สึกเสียดายฝีมืองานการต่างประเทศของ คุณปานปรีย์ แค่ไหนก็ตาม แต่ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของท่านเอง ผมก็ขอเคารพและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น.. ซึ่งต่อไปจากนี้ ท่านนายกฯ ก็ยังต้องเดินหน้าแก้ปัญหาการเสียผู้รับผิดชอบสูงสุดด้านการทูตของประเทศในช่วง critical เช่นนี้และหาผู้ที่มีความสามารถมารับผิดชอบตำแหน่งที่ ท่านปานปรีย์ เลือกที่จะวางมือต่อไปให้เร็วที่สุดครับ..

----------------------



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/vzPiPjbcJ-s

คุณอาจสนใจ

Related News