เลือกตั้งและการเมือง

เปิดจดหมาย ‘ลูกเขยชาดา’ ลาออก ขอรับผิดชอบทางการเมือง – ‘อนุทิน’ ฟาดแรง “โง่เซ่อเอง” ถูกจับรับสินบน

โดย petchpawee_k

26 ต.ค. 2566

1.2K views

เมื่อวานนี้  (25 ต.ค.) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปร่วมประชุมกรรมาธิการการปกครองที่สภา ให้สัมภาษณ์ประเด็นร้อน กรณีนายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรี ตำบลตลุกดู่ จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นลูกเขยของนายชาดา ถูกจับเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมา


กลายเป็นข่าวสะเทือนบ้านใหญ่อุทัยธานี กรณีการบุกจับ "นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่" ซึ่งเป็นลูกเขยของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวานนี้คุณชาดา เปิดใจครั้งแรก ด้วยน้ำเสียงดุดัน ว่าได้สั่งให้ ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ก็ย้ำเป็นคนใกล้ชิด ต้องแสดงสปิริตมากกว่าคนอื่น


ก็ใช้น้ำเสียงดุดัน บอกว่า "เมื่อวานนี้ หลังลูกเขย ได้รับการประกันตัว ได้เข้ามาขอโทษ ซึ่งตนบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร แต่สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี และได้ลาออกแล้ว เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง ถ้าไม่ทำแบบนี้ การรอพักปฏิบัติหน้าที่จนคดีเสร็จเป็นการเอาเปรียบและปล่อยทิ้งประชาชน


โดยย้ำว่า "เป็นมาตรฐานของสังคมไทยในทางการเมืองท้องถิ่น นี่คือสิ่งที่ตนทำในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และในฐานะคนใกล้ชิดมีเรื่อง ก็ต้องแสดงสปิริตมากกว่าคนอื่น"


ช่วงนึง คุณชาดา ยังพูดในเชิงตัดพ้อ ระบุว่า "จับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า จะให้ตนทำอย่างไร" ก็ย้ำครอบครัวตนไม่มีปัญหาอะไร ในฐานะพ่อ ก็ต้องโอบกอดลูกทุกคนด้วยความรัก ความอบอุ่น แล้วเดินไปด้วยกัน พร้อมขอร้อง อย่ามาโจมตีครอบครัว


ล่าสุด นายวีระชาติได้เขียนจดหมาย ถึงผู้ว่าฯอุทัยธานี ขอลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี โดยมีเนื้อหาระบุ 


“ด้วยข้าพเจ้า นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ได้ต้องคดีถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่ข้าพเจ้าได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเพื่อแสดงความรับผิดชอบในทางการเมือง ที่จะไม่ทำให้เทศบาลตำบลตลุกดู่ตกอยู่ในสภาวะขาดผู้นำ ในการบริหารงาน ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับภาครัฐและประชาชน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความประสงค์ ขอลาออกจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตลุกดู่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2566 เวลา 23.30 น.

จึงเรียนมาเพื่อทราบ”

---------------------------------------------

ด้านคุณอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เมื่อวานนี้ ออกมาให้ความเห็นใช้คำรุนแรง ถึงขั้นสมน้ำหน้า บอกโง่เซ่อเอง ก็ต้องโดนแบบนี้ ซึ่งใครก็ช่วยไม่ได้


เมื่อวานนี้ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอว่าอย่าพยายาม นำกรณี ลูกเขย ที่ถูกจับกุม ไปโยงถึงคุณชาดา พร้อมชื่นชม ตำรวจ ว่าทำถูกต้องแล้ว แสดงให้เห็นว่าถึงเวลาต้องเอาจริงเอาจัง กับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และไม่มีการช่วยเหลือกัน ถือเป็นบทพิสูจน์ ว่าใครก็ช่วยไม่ได้ ถ้าทำผิดกฎหมาย และไม่มีใครกล้าช่วยด้วย     


ส่วนในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย บอกว่าไม่มีอะไรต้องกำชับ เพราะ “ถ้ายังโง่อยู่ เซ่ออยู่ ก็ต้องโดนแบบนี้ ไม่มีใครรอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งถ้าผิดก็รับโทษ แต่ถ้าเชื่อว่า ถูกใส่ร้าย ให้เอาหลักฐานมาชี้แจง

-----------------------------------------------------

ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าตกใจหลังรู้ข่าว “ลูกเขยคุณชาดา”  ถูกจับเรียกรับสินบน ก็ยืนยันต้องดำเนินคดีหากผิด ไม่มีเว้นแม้เป็นญาติพี่น้อง-ครอบครัวรัฐมนตรี


เมื่อวานนี้ คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าตกใจ ได้เห็นข่าว ลูกเขยคุณชาดา ไทยเศรษฐ์ ถูกจับในข้อหาเรียกรับสินบน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย ยืนยันหากผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องของรัฐมนตรี


ส่วนกรณีนี้ รัฐมนตรีจะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ เพราะเป็นคนในครอบครัวของรัฐมนตรีเองที่ผิด ท่านนายกฯ บอกว่า อย่าเพิ่งไปไกลขนาดนั้น เพราะต้องดูว่ากระทำผิดจริงหรือไม่ และย้ำต้องให้ความเป็นธรรมด้วย

-------------------------------------

'ผู้การเต่า' ยันจับ 'ลูกเขยชาดา' ไม่กลั่นแกล้ง ทำตามกฏหมาย ไม่หนักใจแม้ศาลให้ประกันตัว


ขณะที่พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า คืบหน้าในตอนนี้คือได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจค้นอีก 6 จุด และขอยึดโทรศัพท์มือถือ และเก็บข้อมูลไว้เป็นพยานหลักฐาน แต่ยังต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติม ยืนยันขณะนี้มีหลักฐานชัดเจนและเพียงพอ ทั้งจะมีการขยายผลเพิ่มเติม และจะหาวิธีการทำอย่างไรให้จังหวัดอุทัยธานีไร้ผู้มีอิทพล และเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าทำงานได้


เบื้องต้นจะมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งผู้ต้องหา ผู้เสียหาย มาสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น รวมถึงจะมีการเรียกผู้ประกอบการร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และผู้ประกอบการขายปูนซีเมนต์ ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาเข้าไปล็อบบี้ ไม่ให้จำหน่ายสินค้าให้กับผู้เสียหาย จนส่งผลกระทบกับเรื่องของการก่อสร้าง มาสอบปากคำด้วยเช่นกัน


ยืนยันว่าไม่หนักใจแม้ว่าศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา เพราะพยานหลักฐานที่ตำรวจมีแน่นหนามาก ไม่เช่นนั้นศาลคงไม่อนุมัติหมายจับ และมั่นใจว่า จะสามารถสรุปสำนวนส่งให้กับ ป.ป.ช. ได้ทันภายใน 30 วัน


ส่วนตัวผู้เสียหายขณะนี้ ทาง ป.ป.ช. ได้รับไปดำเนินการเพื่อดูแลความปลอดภัย โดยจะกำลังตำรวจไปช่วยสนับสนุน ตนขอย้ำว่าหลังจากนี้จะมีการขยายผลเพิ่มเติมในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องของเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาด้วย ซึ่งตนได้ประสานไปยังกรมสรรพากร ให้เข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้ 


พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ยังขอกว่า เมื่อคืนวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย ได้บอกกับตนว่าให้ทำทุกอย่างไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และรับปากว่าจะไม่ให้ตัวผู้ก่อเหตุเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดอย่างกระทรวงมหาดไทยว่า อยากให้รับลูกต่อจาก บก.ปปป. เพราะหลังจากที่มีการจับกุมเข้าเจ้าที่รัฐที่มีการทุจริต อยากให้มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยขาดจากตำแหน่งเดิมจนกว่าคดีจะสิ้นสุดเพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานต่างๆ


อีกทั้งยังขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองท้องถิ่นที่มีพฤติกรรมทุจริตคอรัปชั่น วันหนึ่งหากตำรวจ ปปป.อาจไปหาท่านถึงที่ ถ้าไปถึงแล้วขอให้แน่ใจได้เลยว่ามีหลักฐานพร้อมดำเนินคดีแน่นอน ฉะนั้นจะต้องเลิกพฤติกรรมดังกล่าว


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/rZ3u_2b1vB0

คุณอาจสนใจ

Related News