เลือกตั้งและการเมือง

ผมเหลือเวลาอีกไม่เยอะ...'ชูวิทย์' ป่วยมะเร็ง ขอแฉเพื่อชาติ ปูด 'เศรษฐา' คุกเข่าหน้า 'ทักษิณ-พจมาน'

โดย petchpawee_k

4 ส.ค. 2566

1.5K views

“ชูวิทย์” เล่าไปฉีดคีโมมา บอก เวลาบนโลกนี้เหลือไม่เยอะ เปรียบชีวิตเป็นเส้นด้าย อาจเป็นเส้นสุดท้าย จึงขอแฉเพื่อชาติ ไม่หวั่นแม้ใครนินทา กระแหนะกระแหน 

วานนี้ (3 ส.ค.66) ที่เดอะล็อบบี้ โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักเคลื่อนไหวเปิดแถลง “แฉเพื่อชาติ”


โดยก่อนการแฉเพื่อชาติ Ep.1  “12 วัน 12 คน” นายชูวิทย์ ได้เล่าว่า เมื่อเช้าไปโรงพยาบาลมาแต่เช้า ไปฉีดยา ผมมีเวลาอยู่ไม่เยอะในโลกใบนี้ ชีวิตผมเป็นเส้นด้าย อาจจะเป็นเส้นสุดท้าย ดังนั้นเหตุผลในการแถลงครั้งนี้ ผมขอเรียนให้ทราบว่า มีความพยายามที่จะไม่ให้ผมพูดในทุกวิถีทาง มีการนำเสนอ มีการใส่ร้าย แต่ผมไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวแล้ว เพราะเวลาอันสั้นของผมนั้น ผมยินดีให้คุณดูหลักฐานดีกว่า ดังนั้นเสียงใครจะพูดกระแหนะกระแหน นินทาพูดไปเลยครับ ผมนั้นไม่มีต้นทุน แต่คนที่มีต้นทุนมากที่สุด คือนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งได้ไปคุกเข่ากับนายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ว่าจะทำให้ทุกอย่าง ถ้าตัวเองได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี


ช่วงท้ายการแถลง นายชูวิทย์ย้ำอีกครั้งว่า “บอกแล้ว ผมขอแฉเพื่อชาติ ผมเล่าให้ฟังโดยไม่กลัวเลย  เมื่อเช้าผมไปฉีดคีโมมา ระยะเวลาผมเหลืออีกไม่เยอะหรอก  ผมไม่จเป็นต้องปิดบัง ผมพูดไป หรือผมตายไป อีกวันนึงก็เหมือนเดิม ทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว  ดังนั้นสิ่งที่ผมทำ คุณเอาตรงนี้เป็นประเด็นดีกว่า คุณอย่าไปสนใจผมเลย ทุกคนไปหมดแหละครับ วันนี้พวกเราเห็นหน้ากัน ผมอยู่ในคุก ผมเก็บมา 80 ศพ เห็นทุกขเวทนามาทุกอย่าง แต่วันนี้คุณเอาสาระตรงนี้ ถ้าว่าไม่จริงมาเถียงกับผมตรงนี้ คุณอย่ามาป้ายสีผม ผมให้คุณดูตรงนี้ ตรงนี้ไม่จริงตรงไหน นี่คือหัวใจ”

-------------------------------------------------

“เรืองไกร” ดอดขอข้อมูล “ชูวิทย์” แถลงแฉ “เศรษฐา” ลั่น ตัวเองก็มือหนึ่งเรื่องตรวจสอบภาษี ด้านชูวิทย์ ลั่น ไม่ได้รู้จัก “เรืองไกร” บอกเป็นคนทำให้ผมติดด้วยซ้ำ เพราะร้องรายงานบัญชีทรัพย์สินไม่ครบ


ขณะที่นายชูวิทย์ เปิดแถลง “แฉเพื่อชาติ” เสร็จ พบว่านาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาด้วย ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชลระบุว่า เนื่องจากตนมองว่าเรื่องการโอนที่ดินที่นายชูวิทย์แถลงนั้น น่าสนใจ เนื่องจากมีเหตุให้สมควรติดตาม ไม่ว่าจะเป็นการแถลงของ บ.แสนสิริ เมื่อดูแล้วและจำนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์อีกด้านหนึ่ง


ทั้งนี้ นายเรืองไกร ยืนยันว่า ตนเองตั้งใจเดินทางมาพบคุณชูวิทย์ตั้งแต่แรกเนื่องจากเห็นว่าเป็นชีวิตเริ่มแถลงข่าวนั้นตนเองจึงรีบเดินทางมาหามาพบเจอทันที   ทุกครั้งที่เคยเปิดเจอ ก็เห็น คุณชูวิทย์ โชว์แต่ซองน้ำตาล แต่วันนี้ก็ได้เห็นตารางเห็นข้อมูลหลายอย่างเมื่อเห็นตาราง ยอมรับว่า ตาโต ตาลุกวาว เพราะตนเองเป็นมือต้นๆของ การดำเนินการตรวจสอบภาษี ตนเองเห็นอะไรหลายๆอย่างที่ต้องตรวจสอบ ตนเองตะแกะรายละเอียดอยู่แล้ว  


นายเรืองไกร ยังกล่าวว่า ตอนนี้มีการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน น่าจะใช้ระยะเวลาตรวจสอบทั้งหมดทันและเสร็จก่อนแน่นอนในช่วงนี้แน่นอน เพราะมองว่าสัญญาจัดซื้อจัดขายที่ดินนั้น จะเป็นตัวบ่งบอกทั้งหมด ซึ่งหนังสือที่ทางแสนสิริ ได้มีการแถลงนั้น ตนเองมองดูและอ่านในตอนท้ายมข้อสังเกตุด้วยว่าทางบริษัท แสนสิริ  ไปบอกว่าเป็นฝ่ายติดตามดำเนินการ ซึ่งนายชูวิทย์เองก็บอกว่านายเศรษฐา เซ็นรับรองเองทุกครั้ง เราต้องมาไล่ดูเพราะมีเหตุให้สงสัยจริงๆ  ส่วนตอนนี้ตนเองยังไม่ได้รับเอกสารอะไรจากนายชูวิทย์ เพียงแค่เห็นจาก ที่การแถลง แต่ก็พอมีคนคุ้นเคยกันอยู่ ก็คงจะขอแชร์แบ่งปันด้วย ถ้าหากสื่อมวลชนมีข้อมูลอะไรก็อาจจะขอข้อมูลเอาไว้ด้วย


ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แจ้งผ่านไลน์สื่อมวลชน ว่า “ผมไม่ได้รู้จักเรืองไกร เขาเป็นคนทำให้ผมติดคุกด้วยซ้ำ เพราะเป็นคนร้องเรียนเรื่องผมรายงานบัญชีทรัพย์สินไม่ครบ จึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง”

-------------------------------------------

'นพดล' ป้อง 'เศรษฐา' ชี้เป็นแค่ผู้จะซื้อ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโอนภาษี ลั่น หากสงสัยสามารถตรวจสอบได้ที่กรมสรรพากร ไม่กังวลกระทบโหวตนายกฯ ยัน 'ทักษิณ' ยังไม่เลื่อนกลับบ้าน โยนถาม 'แพทองธาร' คนที่จะตอบได้ดีที่สุด 


นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ดินที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ว่า นายเศรษฐา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฏหมายใด และไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใดๆ ซึ่งข้อกล่าวหาที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง พูดวันนี้ เป็นข้อกล่าวหาอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เนื่องจากนายเศรษฐาไม่ได้เป็นตัวการ ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุน ไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการเลี่ยงภาษีใดๆ


เมื่อถามว่า ในฐานะที่ขณะนั้น นายเศรษฐาคือผู้บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จะปฏิเสธได้หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ปฏิเสธได้ เพราะนายเศรษฐาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงภาษี และตนเข้าใจว่าการซื้อขายที่ดินนั้น ระหว่างบริษัท แสนสิริฯ กับผู้จะขาย หน้าที่ในการชำระภาษี อยู่ที่ผู้จะขาย ฉะนั้น ผู้ที่จะขาย ต้องชำระภาษีให้ถูกต้องตามกฏหมาย และเราไม่มีเหตุสงสัยว่าผู้จะขายได้เลี่ยงภาษี หากใครสงสัยว่าผู้จะขายเลี่ยงภาษี สามารถตรวจสอบที่กรมสรรพากรได้


นายนพดล กล่าวต่อว่า ส่วนความเกี่ยวข้องของนายเศรษฐา บริษัท แสนสิริฯ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีธรรมาภิบาล และการซื้อขายทรัพย์สิน ของนายเศรษฐาต้องทำตามกฏหมาย ซึ่งภารกิจของซีอีโอเกี่ยวข้องแค่อนุมัติจำนวนเงินและโครงการเท่านั้นเอง ไม่ได้รู้เห็นอะไรในการชำระภาษี แล้วย้ำว่า หากใครสงสัยเรื่องการชำระภาษีสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งบริษัท แสนสิริฯ เป็นผู้จะซื้อ โดยผู้จะขายเป็นผู้ที่ต้องชำระภาษี และเราไม่มีข้อสงสัยว่าผู้จะขายเลี่ยงภาษี


เมื่อถามว่า พรรคพท. กังวลหรือไม่ ที่การเปิดข้อมูลในครั้งนี้ อาจจะกระทบต่อการยกมือโหวตนายกรัฐมนตรี นายนพดล กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะตนได้รับข้อมูลทั้งหลายมาแล้ว และได้ตรวจสอบกับทีมนายเศรษฐาแล้ว และเชื่อว่าไม่ได้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล คิดว่าสมาชิกรัฐสภาหากจะโหวตใคร หรือเห็นชอบใครเป็นนายกรัฐมนตรี คงจะดูข้อเท็จจริงมากกว่าข้อกล่าวหาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางการเมือง


เมื่อถามว่า พื้นที่ที่มีปัญหาคือพื้นที่ในส่วนใด นายนพดล กล่าวว่า เป็นพื้นที่กลางเมืองที่นายชูวิทย์พูดถึง แต่การซื้อขายที่ดินของแสนสิริ เป็นการซื้อกับบุคคล ซึ่งบุคคลเป็นทายาทที่ไปรับแบ่งจากบริษัท แต่เขาจะแบ่งอย่างไรเป็นขั้นตอนของผู้จะขาย รวมทั้งการชำระภาษีก็เป็นหน้าที่ของผู้จะขาย


ที่คาดเคลื่อนคือการถูกกล่าวหาค่อนข้างแรง คือการกล่าวหาว่านายเศรษฐาคือตัวการในการเลี่ยงภาษี ซึ่งแย่กว่าการบอกว่าเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งแสนสิริไม่ได้มีประโยชน์หรือเสียประโยชน์ จะไปเลี่ยงภาษีให้กับผู้จะขาย


เมื่อถามถึง กรณีการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีจะกระทบต่อการกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่มีข้อมูลว่านายทักษิณจะเลื่อนการเดินทาง ต้องรอตรวจสอบข้อมูล ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีฐานะที่จะฟันธงได้ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด คนที่ถามได้ดีที่สุดคือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ทั้งนี้ ในทางกฎหมายนายทักษิณสามารถเดินทางกลับมาได้ก่อนหรือหลังจัดตั้งรัฐบาล โดยต้องเป็นไปตามกฎหมายทุกประการไม่มีข้อยกเว้นใดๆ และเข้าสู่กระบวนการปกติ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ของนายทักษิณที่จะเดินทางกลับมา และพรรค พท.ไม่ต้องดำเนินการใดๆ เป็นพิเศษ เช่น การเสนอกฎหมายใดๆ นั้นไม่ต้อง

คุณอาจสนใจ

Related News