สังคม

'กองทัพธรรม' ผนึกกำลังแจ้งความลัทธิเชื่อมจิต ชี้ พ.ร.บ.สงฆ์ให้อำนาจพศ.ตรวจสอบได้

โดย parichat_p

13 พ.ค. 2567

60 views

ทนายกองทัพธรรมผนึกกำลัง แจ้งความเอาผิดกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่พ.ร.บ.คอมฯ ไปจนถึงการเรี่ยไรและฉ้อโกง พร้อมห่วงอนาคตเด็กถูกดึงเป็นหุ่นเชิด สร้างอภินิหารหลอกลวงประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งลาภสักการะ


ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือ มหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วย คุณต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง , คุณอี้ แทนคุณ ตัวแทนผู้เสียหาย , ดร.อธิเทพ ผาทา , อ.รัก คำราม และ แพรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ร่วมกันเดินทาง มาที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง



เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต 9 คน ได้แก่ นายพิชญะ ศูนยะคณิต /นางสาวนัฐพร วงศ์ทวิชาติ/นายคเณศ คณินวรพันธุ์ / แอดมินใบเฟิร์น/แอดมินนรินทร์ /ทนายธรรมราช /แอดมินสาว / แอดมินเพจ หรือผู้ควบคุมเพจเฟซบุ๊ก นิรมิตเทวาจุติ /ผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อก และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก, การเรี่ยไร และฉ้อโกง


โดย ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า มาในฐานะพุทธศาสนิกชนและเรื่องนี้เป็นภาระแห่งชาติ ซึ่งถึงเวลาแล้ว ที่ต้องเอาจริง เอาจังและเอาผิดอย่างเด็ดขาด กับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต ซึ่งมีการใช้เด็ก อายุ 8 ขวบเป็นเครื่องมือในการสร้างความเชื่อและสอนพระพุทธศาสนาแบบผิดๆ


เช่น บิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนาและพระไตรปิฎก , ยุยงส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติไม่สมควร ประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด , นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง โดยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 พบมีการนำเสนอบทตวามและคลิปวิดิโออันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ประมาณ 23 ครั้ง


ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยอีกว่า เรื่องลัทธิเชื่อมจิต ตนเห็นมานานแล้วว่า ไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องยอมรับว่า คณะสงฆ์และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บ้านเราอ่อนแอ ไม่มีการเทคแอคชั่นกับเรื่องนี้เท่าที่ควร ตนและคณะฯ จึงต้องออกมาเรียกร้องและเอาผิดกับบุคคลดังกล่าว


ทนายอนันต์ชัย ยังได้นำชาร์ท มาอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 6 เรื่องแนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 67 มา 5 ข้อ ล้วนแล้วแต่เป็นบททาทของรัฐและสำนักพุทธฯ ในการดูแลคุ้มครองพระพุทธศาสนา /ซึ่งหมายถึง สำนักพุทธฯ ในฐานะเป็นหน่วยงานแห่งรัฐ มีหน้าที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ 2560 ฉบับนี้


รวมถึง พรบ.คณะสงฆ์ มาตรา 15 ให้อำนาจพศ.ออกประกาศให้เสนอเรื่องมหาเถระสมาคม (หรือมส.) ตั้งกรรมการตรวจสอบได้ ขณะที่ สำนักพุทธฯก็มีกฎกระทรวงอยู่ว่า ต้องสนองภาระกิจคณะสงฆ์ ดังนั้นพศ.จึงมีอำนาจหน้าที่ทำเรื่องเชื่อมจิตได้


ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546 มาตรา 4 "เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิด" ซึ่งผู้ปกครองมีหน้าที่ตามหมวด 2 การปฏิบัติต่อเด็ก มาตรา 23 ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็กให้อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมฯ


และมาตรา 26 ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ห้ามมีให้กระทำการดังต่อไปนี้ คือ บังคับข่มขู่ชักจูงส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กประพฤติเสียงต่อการกระทำผิด


มาตรา 27 เกี่ยวกับการโฆษณาหรือการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด โดยเจตนาแสวงหาผลประโยชน์จากการเรี่ยไรรับบริจาคฯ


ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ยังพูดถึงเกี่ยวกับพฤติกรรมการเชื่อมจิตของกลุ่มลัทธินี้ ว่า มีการอ้างถึงลำแสง ที่ได้จากองค์ศากยมุนี และมาปล่อยลำแสงผ่านฝ่ามือพลังเต่านินจาใดๆก็ตามแต่ เป็นการสร้างอภินิหารจากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ สร้างเพื่อจุดประสงค์ลาภสักการะ ซึ่งอนาคตหากปล่อยละเลยเรื่องนี้อาจจะมีการบริจาคได้เงินถึงร้อยล้าน พันล้านบาทก็เป็นได้


ทนายอนันต์ชัย ยังฝากถึงกลุ่มลัทธิดังกล่าวและฝากถึงทนายบางคน ให้ฟ้องตนได้เลย จะได้ชี้แจงแถลงไขต่อศาลถึงความผิดต่างๆของกลุ่มลัทธินี้


ด้านคุณอี้ แทนคุณ กล่าวว่า ในฐานะที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหาย ที่เป็นอดีตสาวกลัทธิดังกล่าว ที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมสมาธิเชื่อมจิต ให้ข้อมูลว่า ตอนนั้นก็หลงเชื่อว่า การนั่งสมาธิแบบดังกล่าวจะสามารถบรรลุธรรมได้


ต่อมาเริ่มเห็นวิธีการแปลกๆ เช่น เด็ก 8 ขวบใช้นิ้วแตะหน้าผากและบอกว่า เป็นการเชื่อมจิต และ เห็นถึงคำสอนบางคำสอนที่ไม่ตรงตามหลักพระพุทธศาสนาที่เคยเรียนมา ซึ่งภายหลังก็นำมาด้วยลาภสักการะ ซึ่งทำให้เสียเงิน ในการรับบริจาคซื้อที่ดินสร้างสถานปฏิบัติธรรม ทางอดีตสาวกกลุ่มลัทธิฯ ดังกล่าวจึงออกมาขอความช่วยเหลือ



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/QcWpRWunK6o

คุณอาจสนใจ

Related News