สังคม

ปลัด สธ.เผยยังต้องปิด รพ.ภาชี ต่อเนื่อง เหตุมลพิษในอากาศยังสูง

โดย panisa_p

3 พ.ค. 2567

23 views

การควบคุมเพลิงไหม้โกดังที่อำเภอภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่นำสารเคมีกว่า 30 ตัน มาสกัดไว้ ขณะที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า โรงพยาบาลภาชียังต้องปิดให้บริการไปก่อน จนกว่าคุณภาพอากาศในพื้นที่จะเหมาะสมอ



นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามการรับมือทางการแพทย์ กรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยระบุว่าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับมือต่อเหตุการณ์ได้รวดเร็ว โดยมีการปิดโรงพยาบาลภาชี ซึ่งอยู่ห่างที่เกิดเหตุเพียง 600 เมตร และย้ายผู้ป่วยใน 35 คน ออกนอกพื้นที่ ขณะนี้ให้กลับบ้านได้ 17 ราย ที่เหลือส่งต่อไปโรงพยาบาลท่าเรือ 8 ราย โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ 7 ราย และโรงพยาบาลอุทัย 3 ราย



และเปิดโรงพยาบาลสนามที่วัดโคกม่วง ซึ่งอยู่ด้านเหนือลม เพื่อให้บริการผู้ป่วยนอกและฉุกเฉินเบื้องต้น โดยวันนี้มีผู้รับบริการ 28 ราย เป็นผู้ได้รับผลกระทบ 9 ราย อากรส่วนใหญ่ แสบตา ระคายคอ ส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีนัดกับโรงพยาบาล 80 ราย ได้ใช้ Health Rider จัดการส่งยาให้



ปลัดกระทรวงสาธารณสุขยังระบุว่า หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ได้จัดทีมประเมินผลกระทบทางร่างกาย 7 ทีม ออกเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพประชาชนในรัศมี 1 กิโลเมตร จำนวน 599 คน 109 หลังคาเรือน พบมีอาการระคายเคืองตา เวียนศีรษะ แต่ไม่รุนแรง 74 คน ได้วางแผนติดตามตรวจเอกซเรย์ปอดทั้งหมดเพื่อเฝ้าระวังผลกระทบ ส่วนการคัดกรองด้านสุขภาพจิต พบมีความเครียดระดับน้อย 42 คน ปานกลาง 9 คน และเครียดมาก 3 คน เจ้าหน้าที่ได้ให้การดูแลแล้ว



สำหรับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารของโรงพยาบาลภาชีพบว่ายังมีค่าสารมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้สูงกว่าเกณฑ์ จึงต้องปิดให้บริการไปก่อน และให้ติดตามตรวจวัคคุณภาพอากาศทุกวันจนกว่าจะมั่นใจในความปลอดภัยค่อยกลับมาเปิดให้บริการ



ส่วนการดับเพลิงที่ไหม้ในโกดัง หลังจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาภัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้โฟม เข้าฉีดควบคุมการปะทุ ของกากสารเคมี ที่โกดังหลังที่ 4 ที่เหลืออีกไม่มากนัก ปรากฏว่า กากสารเคมี ยังคงทำปฏิกิริยาอย่างต่อเนื่อง



อุตสาหกรรมจังหวัด จึงประสานงานขอความร่วมมือไปยัง บริษัท สุรินทร์ออมย่า จังหวัดลพบุรี เพื่อขอสนับสนุน นำแคลเซียมคาร์บอเนต จำนวน 30 ตัน เข้ามาฉีดพ่น จุดกากสารเคมีปะทุ ที่โกดัง 4 และ และโกดัง 5 จุดที่ยังมีการปะทุ พบว่า แคลเซียมคาร์บอเนต ที่นำไปพ่น ปรับสภาพกรดซัลฟูริก จับวัสดุ เมาส์บรรจุ จากสารเคมีพิษ เป็นสีขาว ลดกลุ่มควัน ที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมี ลงทันที ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปฎิบัติงานเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง



นอกจากนี้ ที่ตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จ.ระยอง หลังจากเกิดเพลิงไหม้โรงงานวิน โพรเสส ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องนั้น



ล่าสุด ชาวบ้านกลุ่มรักษ์หนองพะวา และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเพลิงไหม้โรงงาน วินโพรเสส เตรียมส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการเร่งด่วน 6 ข้อ คือให้เร่งขนย้ายกากสารเคมีออกจากตำบลบางบุตรให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และในการดำเนินการทางกฎหมาย ให้เร่งรัดดำเนินการตามคำพิพากษาศาล ให้ดำเนินคดีกรมโรงงาน อุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานอื่นๆตามหลักฐาน ในการป้องกันรักษา เยียวยา ประชาชนนั้น ให้จัดอุปกรณ์กรณ์ป้องกันอันตราย ที่เหมาะสม ให้จัดหน่วยงานประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงอันตรายของสารเคมี นอกจากนี้ยังให้เยียวยา ค่าชดเชย ค่าเดินทาง ค่าที่พัก การฟื้นฟูระบบนิเวศ และให้ประเด็นสุดท้ายคือให้นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการติดตามผล ทุกข้อตามที่นำเสนอมาดังกล่าว



ขณะเดียวกัน วันนี้พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประชุมร่วมกับส่วนราชการ ทั้ง 76 จังหวัด ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด เพื่อตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่จะมีความเสี่ยงต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม โดยให้ผู้ว่าราชการ กำชับให้สำรวจโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีความเสี่ยง โรงงานที่เคยถูกร้องเรียน ให้อุตสาหกรรมจังหวัดสนับสนุนข้อมูล เป้าหมายการสำรวจ ให้หน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดภายในอนุกรรมการชุดนี้ ให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งประมวลผลการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม ให้จังหวัดซักซ้อมแผนฉุกเฉิน และหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ให้สื่อสารข้อเท็จจริงประชาชนโดยเร็ว

คุณอาจสนใจ

Related News