เลือกตั้งและการเมือง

"อุ๊งอิ๊ง" ลั่นตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม มั่นใจอยู่ 4 ปี ประชาชนจะให้เต็ม 10

โดย nutda_t

3 พ.ค. 2567

114 views

พรรคเพื่อไทย จัดงาน"10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10" นับตั้งแต่ที่รัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ารับตำแหน่งและเริ่มบริหารราชการแผ่นดิน จากวันที่ 1 กันยายน 2567 จนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 9 เดือน และกำลังเดินหน้าสู่เดือนที่ 10 ที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ซึ่งวันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลาราชการครึ่งวัน เพื่อเข้าร่วมงานและแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ "4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ เติมประเทศไทยให้เต็ม 10"



ขณะที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นคนแรกในการแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ "เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ" ว่า วันนี้ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เราตัดสินใจถูกต้องมากๆที่เราได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว เพราะปัญหาที่มีอยู่มากมาย และหลังจากที่เราได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ได้เห็นปัญหาที่สะสมมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารถึง 2 ครั้ง ซึ่งใช้เวลาเกือบสองทศวรรษด้วยกัน และรวมไปถึงปัญหาระบบราชการที่ใหญ่โตเกินไป ทำให้อึดอัดในการทำงาน ไม่พร้อมสำหรับการปรับตัวในยุคปัจจุบัน

และอีกเรื่องคือเรื่องของภัยคุกคามที่พัฒนาไปรวดเร็วมาก ขณะเดียวกันเยาวชนก็มีปัญหาเรื่องยาเสพติดถูกมอมเมาในรูปแบบต่างๆ ทำให้ประชาชนของชาติอ่อนแอ โอกาสการทำมาหากินของพี่น้องพี่น้องประชาชนมีไม่มาก ที่สำคัญเศรษฐกิจใต้ดินก่อนที่เราจะเข้ามาเป็นรัฐบาลเป็นสิ่งที่มีมากที่สุดในประวัติประวัติ พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารอย่างยาวนาน ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเราเป็นพรรคที่บริหารงานได้สำเร็จ และผลักดันทุกนโยบายให้สำเร็จตามที่เคยได้พูดไว้มากที่สุดของประเทศไทย

นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า หากเราไม่เลือกที่จะตัดตั้งรัฐบาลผสมและเป็นแกนนำรัฐบาล คงไม่มีโอกาสเริ่มแก้ปัญหาต่างๆที่สะสมมานาน

"ตอนนี้กฎหมายพยายามที่จะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญมากๆในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานเพียงด้านเดียวมาโดยตลอด และทำให้ประเทศของเรามีหนี้ที่สูงมากขึ้น และก็สูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีจากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ยอมที่จะเข้าใจและไม่ยอมให้ความร่วมมือ ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย"



นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า 10 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้การนำของนายเศรษฐา เราได้วิเคราะห์ถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นและได้เห็นว่าเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนานจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจจากทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาให้ดีขึ้น อย่างที่บอกว่าเราเสียเวลาไปแล้วเกือบสองทศวรรษ ตอนนี้เราเข้าใจดีว่าปัญหาทุกอย่างไม่ได้ง่าย แต่เรามั่นใจว่าเราจะทำอย่างเต็มที่และมั่นใจว่าเราจะทำให้เต็ม10 ได้อย่างแน่นอน

"สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจ เราจะต้องเริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบนั่นก็คือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบมาก มากจนเป็นเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเราโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน และตอนนี้เราได้เพิ่มค่าแรงเป็น 400 บาทแล้ว ซึ่งการเพิ่มค่าแรงจะทำให้ทุกฝ่ายได้ปรับตัว และอยากให้ทุกฝ่ายได้จำไว้ว่าการเพิ่มค่าแรงไม่ทำให้ธุรกิจเจ๊ง แต่จะเพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน เราจึงจะผลักดันในทุกมิติของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต การเพิ่มค่าแรง รวมถึงการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ"

นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า เรากำลังจะค่อยๆเปลี่ยนจากรัฐบาลที่อุ้ยอ้าย ตรวจสอบยาก เปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิตอลที่ตรวจสอบได้ รวดเร็วทันต่อการรับมือเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างทันท่วงที และในเร็วเร็วนี้เราจะเริ่มมีการปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม และจะมีการแก้กฎหมายทางเศรษฐกิจอีกหลายฉบับ เพื่อให้ประเทศไทยของเรากลับมาเป็นศูนย์กลางการบินและการเงินของอาเซียนให้ได้

ตอนนี้เราเข้าใจถึงปัญหาต่างๆมากมาย ส่วนปัญหาเรื่องของความมั่นคงและต่างประเทศ เราไม่ได้ละเลยเรามีความตั้งใจว่าต่อไปเราจะผูกมิตรกับทุกมหาอำนาจและให้ประเทศไทยเปิดเป็นพื้นที่ของการเจรจาเพื่อความสันติ ขณะที่ปัญหาของเมียนมาเองที่ทางรัฐบาลก็รับทราบมาตลอดเราไม่ได้ละเลย เราจะช่วยสร้างความปรองดอง ควบคู่กับเรื่องของมนุษยธรรม

“เราทำตามนโยบายที่เราเคยวางไว้ตามที่บอกกับประชาชน และสุดท้ายเมื่อรัฐบาลได้อยู่ครบ 4 ปี เรามั่นใจว่าพี่น้องจะให้คะแนนเราเต็ม 10 แน่นอน”



นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ทุกอย่างตอนนี้ ฟันเฟืองทุกชิ้นกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อปลายทางของชีวิตพี่น้องประชาชนที่ดีขึ้น ตอนนี้ภาพของพรรคเพื่อไทยที่ตนมองเห็นคือ พรรคเพื่อไทยจะต้องก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็ง แข็งแรง และมีประสิทธิ เราเป็นพรรคที่มีนโยบายที่ดีมีศักยภาพ มี สส.ที่เข้าใจปัญหาพี่น้องประชาชน มีรัฐมนตรีที่เก่ง มีนโยบายที่ตอบโจทย์เป็นรัฐบาลที่แข็งแรง เมื่ออนาคตจะเปลี่ยนไปยังไง จะเจอเหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในอนาคต เราจะสามารถทำนโยบายให้สำเร็จได้

และตอนนี้เรามีทีมงานใหม่ที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทย คือพีทีพีอคาเดมี่ จะเป็นหน่วยงานที่สร้างอนาคตให้กับ บุคลากรของพรรคเพื่อไทยของเรา และจะทำให้อาคาเดมี่นี้พัฒนาศักยภาพบุคคลของพรรค ซึ่งตนเองถือว่าเป็นหนึ่งในนักเรียนรุ่นแรกเพราะอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในแง่ของการเมือง กฎหมาย ทำให้ตนเองมีคุณภาพ มีความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น เราอยากให้คนในพรรคเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน

และต่อจากนี้การนำองค์ความรู้มาใช้ จะทำให้เราเป็นพรรคการเมืองที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ตนเข้าใจว่าในการอยู่ตรงนี้ในนามพรรคเพื่อไทย เรามีความคาดหวังสูงจากประชาชนเพราะเราเป็นพรรคที่ทำงานได้สำเร็จ ตนอยากให้ทุกคนมีความมั่นใจในตนเองเพราะเมื่อประชาชนคาดหวังเราจะรู้ว่าเราจะตอบโจทย์ความคาดหวังของประชาชนได้อย่างไร



"แน่นอนพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่อยู่มานาน เจอเรื่องราวต่างๆมามากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ซึ่งเราก็ผ่านมาด้วยกันได้ และการที่คู่แข่งของเราจะสร้างวาทกรรมต่างๆ ทำให้เราดูเป็นคนล้มเหลว ทำงานไม่เป็น หรือสร้างวาทกรรมต่างๆให้เรารู้สึกว่าเหมือนเราผิดคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน ทำนโยบายไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราจะต้องพิสูจน์ใช้เวลา ใช้ผลงาน และใช้หัวใจที่ทุ่มเทของเราพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็น"

และหากยังจำกันได้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคก็มีวาทกรรม 30 บาทตายทุกโรค วันนี้ให้เห็นแล้วล่ะว่านโยบายนี้ก็ยังอยู่คู่กับพี่น้องคนไทย วาทกรรมเหล่านั้น เราจะไม่อยู่ในเกมการเมืองเหล่านั้น แต่เราจะอยู่ในอำนาจและหน้าที่ที่เรามีตอบโจทย์เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็น และเราเองก็ทราบดีว่าการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในตอนนี้ การเมืองเป็นงานที่ thankless และ endless ซึ่งเราจะใช้ทั้งแรงกาย แรงใจอย่างเต็มที่ ซึ่งเสียงตอบรับของประชาชนจะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศดีขึ้นพัฒนาขึ้น และต่อจากนี้จะมีแต่เรื่องที่ดีขึ้นมีพรรคเพื่อไทยที่ดีขึ้น รัฐบาลที่เข้มแข็งขึ้น ประเทศที่พัฒนาขึ้น และพี่น้องคนไทยที่มีชีวิตที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม งานวันนี้ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , นางพวงเพ็ชร​ ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายไชยา พรหมา​ สส. หนองบัวลำภู และอดีตรัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวงเกษตร​และส​ห​กรณ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่ถูกปรับออก ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News