เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' เคารพการตัดสินใจ 'ปานปรีย์' ลาออก เจ้าตัวเปิดใจ เหมือนถูกทำโทษ ลดความสง่างามเจรจา ตปท.

โดย passamon_a

30 เม.ย. 2567

56 views

เศรษฐา แจงเคารพการตัดสินใจ ปานปรีย์ ลาออก บอกขอโทษหากทำให้ผิดหวังและเสียใจ ยันมีการพูดคุยก่อนปรับ เผยกำลังมองหาคนใหม่มาแทนตั้งแต่เมื่อคืน ดีกรีการทูต-การเมือง ทำงานเบื้องหลังเพื่อไทย ชี้มีทั้งคนสมหวัง-ผิดหวัง มั่นใจถูกฝาถูกตัว


ด้าน ปานปรีย์ เปิดใจ ทิ้งตำแหน่ง รมว.กต. เพราะเหมือนถูกทำโทษ ทำให้ความสง่างามในการเจรจาต่อรองกับต่างประเทศลดลง



เมื่อวันที่ 29 เม.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ลาออกหลังปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพียงตำแหน่งเดียว ว่า เรื่องของโผ อย่างที่บอกว่าถ้าพร้อมแล้วก็บอก ซึ่งเป็นเรื่องของขั้นตอนที่จะต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ ลงมา บางทีผู้สื่อข่าวถามมาอาจไม่เหมาะสมที่ตนจะพูดก่อนที่จะมีการโปรดเกล้าฯ กันมา ขอให้เข้าใจด้วยตรงนี้ ส่วนเรื่องของนายปานปรีย์ ก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน และโดยส่วนตัวของตนก็ได้รู้จักกับท่านมาหลายสิบปี ลูกก็เป็นเพื่อนกัน จริง ๆ ส่วนตัวรักชอบกันดี ก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน


ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนนายปานปรีย์จะเผยแพร่หนังสือลาออกก่อนที่จะส่งให้กับนายกฯหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ได้ยินก็เป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่าแสดงถึงความไม่พอใจหรือเปล่า นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมถือว่าผมพูดในแง่องค์รวมมากกว่า ในการที่มีการปรับเปลี่ยนหน้าที่หรือ ครม.ต่าง ๆ ผมเชื่อว่าก็คงมีคนที่พอใจ ไม่พอใจ สมหวัง และไม่สมหวัง จริง ๆ แล้วผมอยากจะโฟกัสในสิ่งที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีมาด้วยเวลา 7-8 เดือนที่ผ่านมาดีกว่า ในเรื่องที่ท่านทำมาและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ผมเชื่อว่ารัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทนก็จะมาสานต่อในเรื่องดี ๆ เหล่านี้”


เมื่อถามว่า ก่อนที่จะปรับ ครม. นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยหรือแจ้งกับนายปานปรีย์ก่อนหรือไม่ และหลังที่นายปานปรีย์ลาออก ได้มีการพูดคุยกันแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ขอตอบคำถามหลังก่อน ผมได้มีการส่งข้อความไปหานายปานปรีย์ ในกรุ๊ปที่เกี่ยวกับเรื่องของการต่างประเทศ ผมบอกว่าผมขอโทษถ้าเกิดผมทำให้พี่ไม่สบายใจเรื่องอะไร ก็ขอขอบคุณที่ช่วยงานกันมา และเรื่องที่ถามว่าได้มีการแจ้งนายปานปรีย์ก่อนที่จะปรับ ครม.หรือไม่นั้น อย่างที่ผมเรียนเมื่อวันศุกร์ที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการเชิญหลาย ๆ ท่านมาพูดคุยกัน และนายปานปรีย์ก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ท่านที่เรียกเข้ามาพูดคุยกัน ผมเชื่อว่าวันนั้นก็เป็นเรื่องของการสนทนาระหว่างบุคคลสองคนแล้วกัน ผมมั่นใจว่าผมพูดอะไรไปและผมเชื่อว่าในฐานะนายกฯ ผมมีความชัดเจนในเรื่องของการที่ผมได้มีการบอกกล่าวอะไรไป”


เมื่อถามว่า จะหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโดยเร็วใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ครับ ซึ่งจะต้องมีการทูลเกล้ารายชื่อใหม่


เมื่อถามว่า ระหว่างนี้นายกฯจะดูแลเองหรือมอบหมายใคร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามประกาศเก่าของ ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะดูแลไป


เมื่อถามว่า ได้มองหาบุคคลใหม่ที่จะมาแทนนายปานปรีย์แล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า มองแล้วและมองตั้งแต่คืนวันที่ 28 เม.ย.แล้ว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เพราะต้องมีการผ่านคณะกรรมการคัดกรองและเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติหลายอย่าง ไม่อยากให้บอกไปก่อนแล้วเดี๋ยวจะเกิดความสมหวัง-ผิดหวังอีก ต้องเคารพในแง่กระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ที่มีมา ยืนยันว่าจริง ๆ แล้วทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่นายปานปรีย์ท่านเดียว คงมีหลายท่านที่อาจจะมีสมหวังและอาจจะมีไม่พอใจ แต่ยืนยันว่าตนรับผิดชอบ และต้องมีการพูดคุยกัน


เมื่อถามว่า ที่มองไว้ เป็นคนในพรรคหรือคนภายนอกการเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า พูดลำบาก เพราะจริง ๆ แล้วท่านเองอยู่ในแวดวงของการทูตมาและแวดวงการเมือง ก็อาจจะเป็นคนทำงานข้างหลังของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด และจิตวิญญาณที่คิดถึงประโยชน์ของประชาชน  


เมื่อถามว่า นายปานปรีย์ให้เหตุผลว่าการที่เป็น รมว.การต่างประเทศ และต้องควบรองนายกฯ ด้วยเพื่อความน่าเชื่อถือ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็มีเหตุมีผล แต่ทุก ๆ กระทรวงเองก็อยากจะควบในตำแหน่งรองนายกฯ ด้วย ซึ่งหลาย ๆ ตำแหน่งจะต้องมีการประสานกับหลายหน่วยงานและหลายบุคคล ปัจจุบันนี้ เราก็มีรองนายกฯ 6 ท่านแล้ว เชื่อว่าเพียงพอ แล้วกระทรวงมีกี่กระทรวง ถ้า 9 กระทรวงต้องมีรองนายกฯ ด้วย ก็คงเป็นไปไม่ได้


นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ในแต่ละรัฐบาล มีทั้งรองนายกฯ ควบ รมว.การต่างประเทศเหมือนกัน เพื่ออำนวยความสะดวกหรือช่วยเหลือผลักดันเรื่องต่าง ๆ หากจะต้องทำงานข้ามกระทรวง เช่น วีซ่าฟรี ที่อาจจะต้องทำงานข้ามไปถึงกระทรวงมหาดไทย หรือฝ่ายความมั่นคงด้วย เรื่องของการทำเขตการค้าเสรี (FTA) ก็มีกระทรวงพาณิชย์ด้วย มีผู้แทนการค้าไทย ซึ่งเชื่อว่าเราทำงานเป็นทีมได้อยู่แล้ว และใช้คำว่าความจำเป็นที่จะต้องมีการควบดีกว่า ตนถือว่าอาจจะไม่จำเป็น แต่อย่างที่บอกหลาย ๆ เรื่องมุมมองของแต่ละคนแตกต่างกันไปและเราเองก็มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป คิดว่าเราควรจะยึดโยงในเรื่องความเป็นมิตรดีกว่า และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน อย่างที่ได้เรียน ถ้าตนทำงานแล้วไม่พอใจ ก็ได้ขอโทษท่านไปแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องความเห็นต่าง แต่ทั้งหมดนี้ตนรับผิดชอบและจะพยายามดำเนินการต่อไปด้วยจุดมุ่งหมายเอาประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง


เมื่อถามว่า รู้สึกเสียดายนายปานปรีย์หรือไม่ เพราะได้รับคำชื่นชมและเป็นที่ยอมรับทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านว่านายปานปรีย์ทำงานได้ดี นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเสียดายทุกคนที่ต้องเปลี่ยนออกไป แต่ในบริบทของการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทุก ๆ ช่วงเวลาที่เราบริหารประเทศ มันมีความจำเป็นหรือมีความต้องการของการแก้ไขปัญหา จึงต้องมีการเปลี่ยนบุคลากร ไม่ใช้แค่ฝ่ายบริหารอย่างเดียว ฝ่ายนิติบัญญัติเองก็ต้องมีการปรับเพื่อให้บุคคลที่เหมาะสม และมีความชำนาญมากกว่าในด้านนั้น ๆ เข้าไปทำหน้าที่ ไม่ได้หมายความว่าท่านที่ถูกปรับออกไม่มีความสามารถในการบริหาร แต่อย่างที่บอกรัฐบาลนี้อยู่ 4 ปี และในอดีตก็ไม่ใช่ว่าท่านออกไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก ก็มีหลาย ๆ เคสที่ออกไปแล้วได้กลับมาอีก


เมื่อถามว่า ปรับ ครม.ครั้งนี้ มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่ผิดฝาผิดตัว นายเศรษฐา กล่าวว่า มั่นใจ แต่แน่นอนมุมมองของแต่ละคนมีความเห็นและเข้าใจในบุคคลนั้น ๆ ที่เข้ามาทำงานแตกต่างกันไป แต่ตนมั่นใจว่าบุคคลที่ดึงเข้ามาทำงานเป็นคนที่มีความสามารถและมีความเชี่ยวชาญตรงตามกระทรวงทุกอย่าง


เมื่อถามว่า ได้มีการเตรียมตำแหน่งปลอบใจสำหรับรัฐมนตรีที่หลุด ครม.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็มีการเตรียมงานและเดี๋ยวต้องมีการพูดคุยกันในพรรค ยืนยันว่าตนไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง แต่ก็เข้าใจได้ว่าคงมีคนผิดหวังและสมหวัง และเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องบริหารเรื่องของความคาดหวังและเรื่องของหน้าที่ใหม่ ควบคู่ไปกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย


ด้าน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เปิดใจถึงการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ กับทีมข่าวการเมืองว่า "ที่ผ่านมา แม้จะมีกระแสข่าวออกมาบ้างว่าจะมีการปรับตำแหน่ง แต่ก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นตามนั้น เพราะที่ผ่านมามีความมุ่งมั่นทำงานอย่างจริงจัง ซึ่งสังคมก็เห็นว่าผมมีผลงานที่ชัดเจน เมื่อมีการปรับ ครม. แล้วผมต้องหลุดจากตำแหน่งหนึ่ง จึงตกใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำอะไรผิด


หากผมได้รับตำแหน่งเป็น รมว.ต่างประเทศตำแหน่งเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งผมก็ไม่เคยเรียกร้องว่าต้องมี 2 ตำแหน่ง แต่เมื่อมอบหมายให้ทำหน้าที่ 2 ตำแหน่ง ผมก็รับปากว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ให้พรรคและประชาชนผิดหวัง จึงเป็นที่เข้าใจของคนทั่วไปว่า ผมเป็นรองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ซึ่งผมใช้เวลา 6 เดือนแรก ทุ่มเทในการเดินทางไปต่างประเทศทั่วโลก เพื่อให้รู้ว่าไทยมีความพร้อมที่จะเปิดประเทศอีกครั้ง


ที่ผ่านมาในการไปเจรจากับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทุกประเทศรับรู้ว่าเป็นรองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศ วันข้างหน้าหากต้องไปพบเขาอีกในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศเพียงอย่างเดียว เขาก็อาจจะคิดว่าผมมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจึงถูกลดตำแหน่ง เช่นเดียวกับที่ตัวเองก็มีคำถามอยู่ในใจเช่นกันว่าเราทำผิดอะไร ทำไมจึงถูกลดตำแหน่ง ซึ่งจะทำให้ความสง่างามรวมถึงอำนาจต่อรองในการไปเจรจากับต่างประเทศมีน้อยลง


โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรองนายกฯคนอื่น ก็เกิดคำถามว่าตนทำงานด้อยกว่าคนอื่นอย่างไร ถ้าเป็นอย่างนั้น ตนก็อาจจะพิจารณาตัวเอง แต่ก็ไม่มี แต่วันดีคืนดี ก็เป็นคนเดียวหลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ เหมือนถูกทำโทษ"


นายปานปรีย์ ยืนยันว่า ที่ลาออกไม่ใช่การน้อยใจ แต่เป็นเรื่องการบริหารจัดการคนให้ถูกต้องได้อย่างไร


เมื่อถามว่า นายกฯได้แจ้งก่อนหรือไม่ นายปานปรีย์ ระบุว่า นายกฯได้เรียกไปคุยที่ทำเนียบรัฐบาล แต่แจ้งเพียงจะมีการปรับ ครม. และจะให้นายจักรพงษ์ แสงมณี ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผมก็ขอบคุณ ไม่ได้พูดเรื่องอื่น


แต่แม้วันนั้นท่านจะพูดต่อ ก็ยืนยันว่าจะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะผมก็จะไม่พูดอะไร เพราะถือว่าท่านต้องพิจารณามาดีแล้ว เพราะเป็นเรื่องใหญ่ การที่จะเอารองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งออก เป็นเรื่องที่ต้องไตร่ตรองมาดีแล้ว


การตัดสินใจของผมไม่ได้ยึกยักอะไรทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ของนายกฯ ผมไม่ได้ติดใจอะไรเพราะไม่ใช่สิทธิ์ของผม แต่เมื่อไม่เห็นด้วยก็ใช้สิทธิ์ที่จะไม่ดำรงตำแหน่ง


ส่วนหากนายกฯ ขอให้กลับมารับตำแหน่ง พร้อมหรือไม่ นายปานปรีย์ บอกว่า เป็นเรื่องอนาคต แต่คิดว่านายกฯ คงไม่ขอ  และยืนยันส่วนตัวไม่มีปัญหากับนายกฯ ยอมรับการตัดสินใจของนายกฯ ส่วนตัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ครอบครัวก็มีความคุ้นเคยกัน ตอนไปเรียนต่างประเทศก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยนายกฯเรียนปริญญาโท ผมเรียนปริญญาเอก


หากจะขอให้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีก นายปานปรีย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องในอนาคต แต่คิดว่าท่านคงไม่ชวน


นายปานปรีย์ ตอบกรณี นายวิม รุ่งวัฒนจินดา ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายกฯ ออกมาพูดทำนองว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่ลาออกหลังมีการโปรดเกล้าฯ โดยระบุว่า ขั้นตอนนี้เป็นอำนาจของนายกฯ ส่วนเรื่องการทำงานต้องผ่านการถวายสัตย์ก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น


"ไม่ใช่เรื่องที่เขาสมควรที่จะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ติดใจอะไร เพราะหน้าที่ในการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นหน้าที่ของนายกฯ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่น การที่นายกฯเสนอชื่อขึ้นไปก็หมายความว่านายกฯได้ไตร่ตรองพิจารณามาอย่างดีพอสมควรแล้ว ผมเองก็ไม่รู้อะไรจริงอะไรไม่จริง อยู่ดี ๆ ผมจะไปทึกทัก และพูดว่าจะมีการปลดผมจริงผมก็ไม่ใช่คนแบบนั้น เมื่อตั้งแล้วไม่เห็นประกาศ ผมก็ตกใจ ว่าเอาผมออกจริง ผมจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นผมขอลาออกด้วยเหตุผลตามที่กล่าวมา ขั้นตอนการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่สมบูรณ์ยังไม่จบ คือ รมต.จะต้องเข้าไปถวายสัตย์ ถ้าไปถึงขั้นนั้นก็ไม่สมควรที่จะลาออก"


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/oL5YDTmDqMU

คุณอาจสนใจ

Related News